มรภ.อุตรดิตถ์ลุยวิจัยพัฒนาทุเรียนหลง-หลินลับแลยกระดับเกษตรกร
หนึ่งในของดีของจังหวัดอุตรดิตถ์ที่กลายเป็นของฝากขึ้นชื่อก็คือ ทุเรียนหลงลับแล และทุเรียนหลินลับแล ซึ่งจากพื้นที่ปลูกทุเรียนประมาณ 40,000 ไร่ จะเป็นทุเรียน 2 พันธุ์นี้ประมาณ 3 พันไร่ (ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ปลูกทุเรียนหมอนทอง) โดยทุเรียนพื้นเมือง 2 ชนิดนี้ สร้างรายได้หมุนเวียนให้กับเกษตรกรและคนในพื้นที่กว่าห้าสิบล้านบาทต่อปี
พร้อมกับชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้น ปัญหาก็ตามมา โดยเฉพาะเรื่องมาตรฐานทุเรียนในตลาด ทั้งการหลอกขายทุเรียนจากแหล่งอื่นการขายทุเรียนอ่อน ขณะที่ชาวสวนทุเรียนก็ยังเผชิญกับเรื่องการขาดน้ำของต้นทุเรียน การบำรุงดิน รวมถึงโรคต่างๆ อันส่งผลต่อคุณภาพของทุเรียนที่ได้ ขณะที่การร่วมกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนเพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิตสู่การเป็นการปลูกแบบวนเกษตร ก็ขังขาดข้อมูลทางวิชาการที่ชัดเจน
จึงเป็นที่มาของ ขุดโครงการวิจัยเพื่อพัฒนาการผลิตทุเรียนหลงลับแล-หลินลับแล ในระบบวนเกษตร เพื่อความมั่นคงทางด้านเกษตรและอาหารของจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ภายใต้โครงการวิจัยท้าทายไทย กลุ่มเรื่องนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาพื้นที่ ที่สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
จากโจทย์สำคัญของชุดโครงการวิจัยเพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิตและคุณภาพชีวิตของเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนหลงลับแล-หลินลับแลและข้อมูลจากการเปิดเวทีแลกเปลี่ยนกับผู้ปลูกทุเรียนในพื้นที่ และการพูดคุยกับเกษตรกรและกลุ่มเกษตรกร รวมไปถึงตัวแทนที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากเกษตรจังหวัด และหน่วยงานด้านทรัพยากรของจังหวัด ทำให้สถาบันวิจัยและพัฒนา (สวพ.) มรภ.อุตรดิตถ์ในฐานะหน่วยบริหารจัดการงานวิจัยชุดดังกล่าว จึงได้จัดสรรทุนกับนักวิจัยใน 3 ศาสตร์ คือ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ รวม 23 งานวิจัย ภายใต้ประเด็นหลักสี่ด้านคือ หนึ่ง การพัฒนาระบบสารสนเทศ สอง การบริหารจัดการดินน้ำป่าในระบบวนเกษตร สาม มาตรฐานคุณภาพทุเรียน และ สี่ การประเมินผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ในระบบวนเกษตรการปลูกทุเรียน
ดร.กิตติ เมืองตุ้ม รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา มรภ.อุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า เนื่องจากทุเรียนหลง-หลิน ลับแล เริ่มเป็นที่นิยมบริโภคของผู้บริโภคเมื่อไม่กี่ปีทีผ่านมา ทำให้เกษตรกรที่เริ่มปลูกทุเรียนจำนวนมาก ขาดข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการปลูก การดูแล การนำระบบสารสนเทศเข้าไปจัดทำฐานข้อมูลเกี่ยวกับผู้ปลูกทุเรียนในพื้นที่ ทั้งพื้นที่ปลูก จำนวน ผลผลิต การใช้สารสนเทศเพื่อการศึกษาถึงปัจจัยการผลิตทุเรียนในแบบวนเกษตร การสร้างเครือข่ายสังคมออนไลน์ในกลุ่มผู้ปลูกทุเรียน รวมถึงการพัฒนาแอพพลิเคชั่นบนมือถือที่ทำให้ผู้ซื้อได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับสวนของทุเรียนที่ตนเองซื้อไป คือประเด็นวิจัยที่จะช่วยให้เกษตรกรได้เข้าถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการผลิตทุเรียนให้มีคุณภาพ
นอกจากนั้นยังมีงานวิจัยด้านระบบสารสนเทศเพื่อการพยากรณ์แจ้งเตือนภัยพิบัติ ที่ทีมวิจัยได้นำข้อมูลด้านอุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์ เช่น ปริมาณฝนที่ตก ณ เวลาปัจจุบัน ความสูงของระดับน้ำ ณ จุดตรวจวัดในแหล่งน้ำต่างๆ รวมไปถึงข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียม ณ เวลาปัจจุบัน มาผนวกกับระบบพิกัดภูมิศาสตร์ (ระบบแผนที่) ที่นอกจากมีข้อมูลพื้นฐาน เช่น ระดับความสูง ความชัน แล้ว ยังรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกทุเรียนในแต่ละพื้นที่ และทั้งหมดนี้ได้มีการพัฒนาขึ้นมาเป็นแอพพลิเคชั่น ที่นอกจากจะช่วยทำให้เกษตรกรสามารถรู้ได้ล่วงหน้าว่าจะมีฝนตกในสวนทุเรียนของตนเองเท่าไหร่ หรือมีความเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินเลื่อนจากฝนที่ตกหนักติดต่อกันมากน้อยแค่ไหนผ่านมือถือของตนเองแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันพิบัติภัย เช่น ปภ.จังหวัด ในการติดตามการเกิดไฟป่า น้ำหลาก และดินถล่ม ได้อีกด้วย
ในด้านการจัดการดิน-น้ำ-ป่าในระบบวนเกษตรนั้น เนื่องจากทุเรียนหลง-หลินลับแล เป็นทุเรียนป่าที่ผ่านการปรับปรุงพันธุ์โดยตัวเกษตรกร ทำให้ความรู้ในการปลูกและดูแลรักษาคือภูมิปัญญาชาวบ้าน ดังนั้นกลุ่มงานวิจัยนี้ จึงเป็นการทำงานร่วมกับเกษตรกรและกลุ่มเกษตรในพื้นที่ เพื่อนำความรู้ทางวิชาการสมัยใหม่เข้าไปหนุนเสริมชุดความรู้ของผู้ปลูกทุเรียนที่ประสบความสำเร็จสร้างเป็นสร้างชุดความรู้ใหม่ในกาจัดการสวนทุเรียน อันได้แก่ ชุดความรู้เพื่อการให้น้ำ ชุดความรู้เพื่อการจัดการดินและความอุดมสมบูรณ์ของดิน การจัดการนิเวศป่าวนเกษตร และการจัดการคุณภาพผลผลิต ซึ่งนอกจากการคืนความรู้เหล่านี้ให้กับเกษตรกรที่ร่วมในกระบวนการวิจัยแล้ว ทาง มรภ.อุตรรดิถต์ ยังได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานเกษตรจังหวัดสุรินทร์ ในการถ่ายทอดความรู้เหล่านี้ให้กับเกษตรผู้ปลูกทุเรียนในพื้นที่อีกด้วย
และเพื่อให้ทุเรียนหลง – หลินลับแลได้มาตรฐาน มรภ.อุตรดิตถ์ ยังทำวิจัยด้านเทคนิคการหาระดับความสุกของผลทุเรียนจากยางที่ก้านทุเรียนเพื่อลดปัญหาการตัดทุเรียนอ่อน การพัฒนาช่องทางสื่อสารของผู้เกี่ยวข้องกับการผลิตและจำหน่ายทุเรียน เพื่อสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพและมาตรฐานของทุเรียน รวมไปถึงการทำวิจัยเพื่อกำหนดมาตรฐานคุณภาพทุเรียน และกลไกในการรับรองคุณภาพทุเรียนตั้งแต่สวนจนถึงแผงขาย ผ่านการใช้ “สติกเกอร์ผลิตภัณฑ์”ร่วมกับ QR Code ที่เมื่อแสกนด้วยมือถือ ก็จะรู้ได้ทันทีว่าทุเรียนลูกนั้นมาจากสวนไหน เก็บวันที่เท่าไหร่ รวมไปถึงข้อมูลการติดต่อเพื่อแจ้งข้อมูลหรือร้องเรียนหากทุเรียนที่ซื้อไปมีปัญหาอีกด้วย ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อ
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ศึกษาผลตอบแทนเชิงสังคม พร้อมไปกับการประเมินมูลค่าทางสิ่งแวดล้อม ที่ได้จากการทำสวนทุเรียนแบบวนเกษตรในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เปรียบเทียบกับการผลิตในระบบเชิงเดี่ยวแล้ว ยังมีการเปรียบเทียบผลกระทบของการปลูกทุเรียนทั้งสองรูปแบบที่มีต่อระบบนิเวศ ซึ่งผลการวิจัยและข้อเสนอแนะเชิงกฎหมายและนโยบายจากกลุ่มงานวิจัยนี้ จะเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับพื้นที่ ระดับจังหวัด และระดับที่สูง เพื่อให้การปลูกทุเรียนหลงลับแล-หลินลับแล แบบวนเกษตรของที่นี่ สามารถสร้างเศรษฐกิจและชีวิตที่ดีให้กับเกษตรกรและคนอุตรดิตถ์ได้อย่างยั่งยืน
ดร.กิตติ กล่าวว่า นอกจากเรื่องทุเรียนหลังลับแล-หลินลับแล ที่จะมีการทำวิจัยเชิงพื้นที่อย่างต่อเนื่องแล้ว ในปีนี้ทางมหาวิทยาลัยมีแนวทางที่จะขยายการวิจัยไปสู่พืชเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น ลองกอง และพืชพื้นถิ่น เช่น กล้วย กาแฟ อีกด้วย
Comments