พบหลักฐานเชิงประจักษ์จากวิจัย เจริญสติเคลื่อนไหวมือ 14 ท่าของหลวงพ่อเทียน ลดเครียดฯ
นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล คณบดีวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เปิดเผยงานวิจัยในงาน การประชุมวิชาการนานาชาติ ครั้งที่ 1 ในหัวข้อ “การแพทย์บูรณาการสู่ความสุขสบาย” (The 1st International Integrative Medicine for Wellness) โดยมีนักวิชาการนานาชาติจาก 7 ประเทศร่วมบรรยายความรู้และเสนอผลงานวิจัยทั้งด้านอาหารเพื่อสุขภาพ สารเสริมอาหารใช้บำบัดแทนยา ดนตรีบำบัดสร้างผัสสะรักษาโรค ศาสตร์โฮมีโอพาธีย์บำบัดผลร้ายจาก PM2.5 ฯลฯ ในงานดังกล่าวทีมวิจัยโดยนพ.บรรจบและคณะ ได้รายงานผลวิจัยว่าด้วยผลดีของการบริหารจิตในวิธีการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวมือ 14 ท่าของหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ ลดความเครียด ลดวิตกกังวล แก้ซึมเศร้า และเพิ่มความตื่นรู้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
นพ.บรรจบกล่าวว่า “ในฐานะของแพทย์ที่หันมาสนใจธรรมชาติบำบัดการทำสมาธิเป็นวิธีสำคัญวิธีหนึ่ง อาจารย์ของผมคือรศ.พญ.จิรพรรณ มัธยมจันทร์ เคยสอนผมให้ทำสมาธิมาแต่ต้น แต่ตลอดระยะเวลา 35 ปีที่ผ่านมาเมื่อผมหลับตาทำสมาธิทีไร ก็มีอันหลับเกือบทุกครั้ง จึงเหมือนไม่ได้ผลใดจากการปฏิบัติ ต่อมาผมมีโอกาสบวชเรียนกับหลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ ที่วัดป่าสุคะโต ได้มีโอกาสฝึกเจริญสติพบว่าเข้ากับจริตตัวเองได้มาก เพราะไม่ต้องหลับตา อีกทั้งยิ่งหลงคิดเรื่องอื่น ยิ่งฝึกสติได้มาก จึงได้กำลังใจมาก เมื่อฝึกถึงระดับมหาสติ ก็จะพบว่าเกิดความรู้เท่าทันทุกข์ที่เกิดขึ้นและดับไปอย่างเห็นๆ จิตใจเบิกบานรื่นรมย์ จัดการกับเรื่องราวในชีวิตอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ดี ผลของการเจริญภาวนาก็เป็นอย่างที่ครูบาอาจารย์สอนมาว่า ใครทำใครได้ ต้องปฏิบัติเองจึงจะรู้ ตรงนี้เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้วงการวิทยาศาสตร์มักจะปรามาสว่า การปฏิบัติภาวนาเกิดผลจริงหรือไม่ยังไม่ค่อยหลักฐานพิสูจน์ ดังนั้นถ้ามีการวิจัยที่พิสูจน์ผลของการปฏิบัติภาวนาให้เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ จะเป็นคุณูปการอย่างยิ่ง นี่เป็นแรงบันดาลใจที่อยากจะทำวิจัยในเรื่องนี้”
ในระยะ 10 ปีให้หลังประเทศตะวันตกได้มีการศึกษาวิจัยที่เรียกว่า Mindfulness ซึ่งส่วนมากมีการปฏิบัติเป็นคอร์สซึ่งใช้เวลาตั้งแต่ 8 สัปดาห์ เป็นเดือนหรือกระทั่งเป็นปี ส่วนมากแล้วเป็นการปฏิบัติหลับตาทำสมาธิ เดินจงกลม และหลายคอร์สใช้จิตบำบัดโดยจิตแพทย์เป็นหลัก การเจริญภาวนาเป็นตัวประกอบ ส่วนเรื่องของการวิจัยว่าด้วยการเจริญสติด้วยการเคลื่อนไหว ยังไม่มีวิจัยในต่างประเทศ ส่วนในประเทศไทยเริ่มมีบางงานวิจัยที่บอกถึงผลดี
เมื่อจะวิจัยเรื่องเจริญสติ เพื่อให้เกิดความสะดวกในการฝึกปฏิบัติ นพ.บรรจบจึงได้ออกแบบวิจัยด้วยการนำปฏิบัติแบบออนไลน์ โดยผู้ฝึกสามารถปฏิบัติอยู่กับบ้าน เช้า เย็น ครั้งละ 17 นาที เมื่อทำต่อเนื่องกัน 12 วัน รวมเวลาปฏิบัติ 174 ชม. ก็พบว่า การเจริญสติแบบเคลื่อนไหวมือวิธีนี้สามารถ ลดทั้งความเครียด ความวิตกกังวล กระทั่งความซึมเศร้าได้ ทั้งยังยกระดับสติความตื่นรู้ได้อีกด้วย
นพ.บรรจบชี้ว่า การเจริญสติวิธีนี้มีข้อเด่นคือ ทำง่าย สะดวก ปฏิบัติตรงไหนก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้ เห็นผลด้วยเวลาไม่นาน ไม่ต้องใช้จิตบำบัด และสามารถทำด้วยวิธีออนไลน์ อย่างไรก็ตามการวิจัยชิ้นนี้เป็นเพียงงานชิ้นเริ่มต้นเท่านั้น ยังจะต้องมีงานวิจัยที่กว้างไกลกว่านี้ ถ้ามีความสำเร็จ ก็น่าเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยปัญหาสุขภาพจิตของคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ตกอยู่ในปํญหาความเครียด วิตกกังวล กระทั่งโรคซึมเศร้าได้
“ถึงตรงนี้คุณคงอยากจะฝึกเจริญสติแล้ว จึงมีข่าวดีว่าวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการโดยนพ.บรรจบ จะให้คำปรึกษาและแนะนำการปฏิบัติเจริญสติ แก่รายบุคคลโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ณ คลินิกแพทย์แผนไทยสิทธิธาดา ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ถ.ประชาชื่น ทุกวันศุกร์เวลา 12:30 น. โดยนัดล่วงหน้าที่ 061-0495669 อ.ชยานนท์” นพ.บรรจบกล่าว
Comments