ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไม่ว่าใครต่างก็ต้องการเป็นเจ้าของใบหน้ายกกระชับไร้ริ้วรอย เพราะใบหน้าที่ไม่หย่อนคล้อยและปราศจากริ้วรอยกวนใจ นอกจากจะช่วยเพิ่มความมั่นใจแล้วยังทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็สวยเป๊ะ นั่นจึงทำให้ปัจจุบันมีหลากหลายเทคโนโลยี ทำหน้าที่เปรียบเสมือนตัวช่วยจัดการริ้วรอยและออกแบบโครงหน้าให้กลับมากระชับอีกครั้ง และหนึ่งในตัวช่วยที่ได้รับความนิยม นั่นคือ การทำ hifuเทคโนโลยีที่ช่วยจัดการริ้วรอยและยกกระชับใบหน้าให้สวยเด้งแบบไม่ต้องรอนาน
หลักการทำงานของ hifu
hifu หรือชื่อเต็ม High Intensity Focused Ultrasound คือเทคโนโลยีเพื่อความงามรูปแบบหนึ่งที่มีหลักการทำงานโดยการปล่อยคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ที่มีความเข้มข้นสูง ส่งผ่านไปยังเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิวหนังโดยไม่กระทบต่อผิวชั้นนอกซึ่งคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์และความร้อนที่ส่งผ่านไปนั้นจะช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและเนื้อเยื่อในชั้นผิวหนังจนทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งข้อดีของเทคโนโลยีนี้คือไม่ต้องพึ่งเข็ม ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้น อีกทั้งขั้นตอนไม่ยุ่งยาก นั่นจึงทำให้หลายคนนิยมเลือกใช้ hifu ในการดูแลผิว
จัดการปัญหาผิวด้วยการทำhifu
เพราะจุดเด่นของการทำ hifu คือการส่งผ่านคลื่นเสียงไปกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ผลลัพธ์ที่ได้หลังทำคือใบหน้ายกกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้กรอบหน้าดูชัดเจน เป็นเจ้าของโครงหน้าสวยเป๊ะได้โดยไม่ต้องรอนาน ริ้วรอยทั้งบนใบหน้าและบริเวณรอบดวงตาดูจางลง จัดการปัญหาร่องแก้มได้อย่างอยู่หมัด ผิวบริเวณที่หย่อนคล้อยจะค่อย ๆ ตึงขึ้น ใบหน้าจึงดูอ่อนเยาว์อย่างเห็นได้ชัด โดยหลังทำ hifu ก็มีวิธีดูแลผิวหลังทำแบบไม่ต้องยุ่งยาก เพราะแค่เลี่ยงการเผชิญแดดจัด งดการถูใบหน้าแรง ๆ และเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อให้ hifu ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
นอกจากคนจำนวนมากจะนิยมทำ hifu บริเวณใบหน้าแล้ว เทคโนโลยีนี้ยังช่วยแก้ปัญหาผิวบริเวณอื่น ๆ ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น บริเวณลำคอที่หลายคนมักเจอปัญหาผิวลำคอหย่อนคล้อย ปัญหาไขมันส่วนเกินบริเวณต้นแขน ต้นขา และหน้าท้อง รวมถึงปัญหาผิวไม่กระชับ ปัญหาผิวเปลือกส้ม นี่จึงเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยจัดการปัญหาผิวได้ค่อนข้างครอบคลุม
แม้การทำ hifu จะปลอดภัยและมีข้อดีคือไม่ต้องพักฟื้น แต่ถึงอย่างนั้นก่อนตัดสินใจรับบริการ แน่นอนว่าต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เพราะการทำ hifu ควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากแพทย์ต้องวิเคราะห์สภาพผิวเพื่อออกแบบและแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด นอกจากนี้ยังควรเลือกคลินิกได้มาตรฐาน เลือกใช้อุปกรณ์ทันสมัยเพื่อลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียงอีกด้วย
