Around Town

เครื่องสำรองไฟ UPS กับการนำไปใช้งานในวงการต่าง ๆ

1 Mins read

ไฟฟ้าคือสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิตของทุก ๆ คน แค่เกิดไฟดับไม่กี่นาทียังสร้างความยุ่งยากกันไปทุกพื้นที่ อุปกรณ์อย่าง เครื่องสำรองไฟ UPS จึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น อย่างน้อยที่สุดหากคุณกำลังนั่งทำงานอยู่กับบ้านแล้วเกิดไฟดับขึ้นมา ก็ยังมีเวลาที่จะบันทึกไฟล์งานดังกล่าวไม่ให้เกิดความเสียหายหรือต้องทำใหม่ทั้งหมด ซึ่งจริง ๆ แล้วเครื่องสำรองไฟฟ้ายังมีความสำคัญต่อวงการต่าง ๆ อีกมากเลยทีเดียว

เครื่องสำรองไฟ UPS คืออะไร

ลำดับแรกมาทำความรู้จักกับอุปกรณ์ตัวนี้กันสักหน่อย เครื่องสำรองไฟ UPS หรือ Uninterruptible Power Supply เป็นอุปกรณ์ที่เอาไว้ใช้สำรองไฟฟ้ารวมถึงปรับระดับแรงดันไฟฟ้าให้ยังเป็นปกติ ไม่ส่งผลให้เกิดปัญหาการกระชากของระบบไฟฟ้าในกรณีที่เกิดไฟดับ ไฟเกิน หรือไฟกระชากจากภายนอก ลดความเสียหายของอุปกรณ์หรือเครื่องจักรต่าง ๆ ให้ยังคงทำงานได้อย่างต่อเนื่องแม้จะเกิดไฟดับก็ตาม ซึ่งไม่ใช่แค่ตัวเครื่องจักรเท่านั้นแต่ยังเป็นแหล่งพลังงานชั่วคราวให้กับมอเตอร์ แบตเตอรี่ต่าง ๆ ที่ยังจำเป็นต้องใช้งานบางประการ อาทิ กำลังดาวน์โหลดไฟล์เอกสารบางอย่างที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องให้เสร็จสมบูรณ์

หลักพื้นฐานในการทำงานของเครื่องสำรองไฟ UPS คือ เมื่อมีการรับกระแสไฟฟ้าเข้ามาแล้วจะเปลี่ยนจากกระแสไฟฟ้าสลับ AC ให้กลายเป็นกระแสไฟฟ้าตรง DC ส่วนหนึ่งจะถูกสำรองเอาไว้ภายในตัวจัดเก็บ เผื่อเอาไว้ในกรณีที่เกิดปัญหาไฟฟ้าขัดข้องขึ้นมา พลังงานสำรองดังกล่าวจะถูกดึงนำออกมาใช้ให้กระแสไฟยังคงเป็นปกติ ไม่เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์หรือเครื่องจักรนั่นเอง

[catlist id=59 numberposts=5 excludeposts=this]

การนำเอาเครื่องสำรองไฟ UPS ไปใช้ในวงการต่าง ๆ

จากที่อธิบายถึงความหมายและระบบการทำงานเบื้องต้นของอุปกรณ์ตัวนี้จึงเห็นว่าจริง ๆ แล้วมีความสำคัญต่อทุกวงการอย่างแท้จริง เพราะไม่ว่าใครในยุคนี้ก็ต้องใช้งานไฟฟ้ากันทั้งนั้น ลองมาแยกประเภทวงการสำคัญ ๆ ที่ควรมีเครื่องสำรองไฟ UPS ติดเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินหรือเกิดเหตุไม่คาดฝันเกี่ยวกับไฟฟ้าขึ้น

1. โปรแกรมเมอร์ คอมพิวเตอร์ – วงการสำคัญที่ยังไงก็ขาดไม่ได้แน่นอน เพราะอุปกรณ์ต่าง ๆ อันทันสมัยในยุคนี้ต้องใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นหลัก หรือบรรดาโปรแกรมเมอร์ที่ต้องอยู่กับจอตลอดเวลา หากกระแสไฟฟ้าขาดหายไปแค่ไม่กี่วินาทีย่อมเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน ยิ่งลองมาไล่เรียงอุปกรณ์ต่าง ๆ อาทิ หน้าจอ, ลำโพง, โมเด็ม, เครื่องพิมพ์ล้วนต้องใช้ไฟฟ้าทั้งสิ้น

2. โรงงานทุกประเภท – กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าในขั้นตอนการผลิตแทบทั้งหมด ดังนั้นจะขาดเครื่องสำรองไฟไม่ได้เด็ดขาด และควรเป็นเครื่องสำรองไฟแบบ 3 เฟส ด้วย เพื่อให้เพียงพอกับกำลังการใช้งาน

3. อาคารสำนักงานทั่วไป – ทุกออฟฟิศต้องใช้คอมพิวเตอร์เพื่อทำงาน รวมถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างอื่น การมีเครื่องสำรองไฟ UPS ติดไว้ย่อมสร้างความปลอดภัยต่อตัวงาน และการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ไม่ต้องทำซ้ำใหม่หลาย ๆ รอบในกรณีที่เกิดไฟฟ้าดับ ไฟกระตุกต่าง ๆ

4. การโทรคมนาคมและการสื่อสาร – หลายคนอาจลืมคิดไปว่าในทุกการสื่อสารจำเป็นต้องมีอุปกรณ์รับ-ส่งสัญญาณเสมอ ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวก็ต้องใช้ไฟฟ้าในการทำงานเช่นกัน หากขาดไปรับรองว่าเดือดร้อนกันทั้งประเทศแน่ ๆ

5. ด้านการแพทย์ – การผลิตอุปกรณ์ เครื่องมือทางการแพทย์ รวมถึงระหว่างผ่าตัด หรือรักษาผู้ป่วย หากไฟฟ้าขาดหายไปคงเกิดอันตรายขึ้นแน่ ๆ

6. การเงิน การธนาคาร – ทุกวันนี้ธนาคารส่วนใหญ่ใช้ระบบออนไลน์กันแทบทั้งสิ้น ดังนั้นหากเกิดปัญหาขัดข้องด้านไฟฟ้าจะส่งผลเสียอันใหญ่หลวงต่อระบบเศรษฐกิจเอาได้ง่าย ๆ เลย ซึ่งตรงนี้ยังรวมไปถึงบรรดาตลาดหุ้นและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของทุกวงการที่ยกตัวอย่างมาให้เห็นภาพเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงเครื่องสำรองไฟ UPS คืออุปกรณ์สำคัญที่ทุกพื้นที่ควรมีติดตั้งเอาไว้เสมอ แม้กระทั่งบ้านเรือนทั่ว ๆ ไป เพราะไม่มีใครรู้ว่าไฟฟ้าจะเกิดปัญหาขึ้นมาตอนไหน ป้องกันเอาไว้ล่วงหน้าย่อมดีกว่าการแก้ไขภายหลัง