Around Town

5 สาเหตุหลักที่ทำให้แบตเตอรี่ UPS เสื่อมสภาพเร็ว

1 Mins read

‘แบตเตอรี่’ เปรียบเสมือนหัวใจของอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ที่รวมไปถึงเครื่องสำรองไฟฟ้า UPS (Uninterruptible Power Supply) ที่ต้องมีการใช้แบตเตอรี่ในการขับเคลื่อนการทำงาน แบตเตอรี่ในเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดย่อมมีวันหมดอายุ แต่จะหมดอายุช้า หรือเร็วนั้นขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน และการดูและรักษาของเราด้วย ในบทความนี้จะชวนมาดู 5 สาเหตุหลักที่ทำให้การทำงานของแบตเตอรี่ UPS เสื่อมก่อนเวลาอันควร

โดยมาเริ่มต้นทำความเข้าใจกันสักเล็กน้อยก่อนว่าแบตเตอรี่ UPS นั้น เป็นอุปกรณ์เคมีไฟฟ้า ที่มีความสามารถในการจัดเก็บพลังงาน และส่งพลังงานออกมา และจะมีการเสื่อมสภาพตามการใช้งาน จนต้องทำการเปลี่ยนใหม่ในที่สุด แต่สิ่งที่เราสามารถทำได้คือการใช้งานอย่างถูกวิธี เพื่อที่จะสามารถยืดอายุการใช้งานออกไปได้

Chuphotic แบตเตอรี่ UPS 1

[catlist id=59 numberposts=5 excludeposts=this]

และนี่คือ 5 สาเหตุหลักที่ทำให้แบตเตอรี่ UPS เสื่อมสภาพเร็ว

1.เก็บแบตเตอรี่ UPS ไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิสูง

สภาพแวดล้อมส่งผลอย่างมากต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ โดยแบตเตอรี่ UPS จะไม่สามารถทำงานได้ดีในอุณหภูมิที่ร้อน หรือเย็นจนเกินไป อุณหภูมิที่เหมาะสมในการติดตั้ง หรือจัดเก็บแบตเตอรี่ UPS คือ อุณหภูมิระหว่าง 20-25 °C  โดยหากมีอุณหภูมิที่สูงเกินกว่านี้จะเหมือนเป็นการลดทอนอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ไปได้มากถึง 50% เลยทีเดียว

2.ปล่อยให้แบตเตอรี่เหลือน้อย

หลังจากที่ตัวเครื่องสำรองไฟฟ้า UPS ได้ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ เมื่อยามที่เกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับ หรือไฟฟ้าขัดข้อง และเราได้ทำการชาร์จแบตเตอรี่ใหม่จนเต็มเพื่อการใช้งานในอนาคต โดยเราจะเรียกกระบวนการนี้ว่า Discharge Cycle ทุก ๆ ครั้งที่มีการชาร์จใหม่ก็เท่ากับการคายประจุของแบตเตอรี่ให้ลดน้อยลง แต่การที่ปล่อยให้แบตเตอรี่เหลือน้อย หรือไม่ได้ชาร์จเลยจะยิ่งเป็นการทำให้ตัวแบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้นยิ่ง ฉะนั้น เราต้องคอยตรวจสอบ Battery Cycle Monitor ให้ดีเพื่อที่จะได้ทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ได้ก่อนเวลาที่จะเสื่อมสภาพ และหากมีแบตเตอรี่ที่ไม่ได้ใช้งานให้นำออกมาชาร์จทุก ๆ 3 – 4 เดือน

3.ใช้งานแบตเตอรี่ UPS ผิดจุดประสงค์

แบตเตอรี่ของเครื่องสำรองไฟฟ้า UPS นั้น ก็เหมือนกับแบตเตอรี่เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่ได้รับการออกแบบให้มีการใช้งานกับอุปกรณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยแบตเตอรี่ของเครื่องสำรองไฟ UPS จะให้พลังงานไฟฟ้าที่สูง ภายในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่เกิน 15 นาที ดังนั้นหากนำแบตเตอรี่ UPS ไปชาร์จกับอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ต้องการเวลาในการชาร์จหลายชั่วโมง จะทำให้ตัวแบตเตอรี่เครื่องสำรองไฟร้อนจนเกินไป และอาจทำให้เสื่อมสภาพได้

4.การใช้ประจุไฟฟ้าที่ไม่เหมาะสมเมื่อถึงเวลาชาร์จ

แบตเตอรี่ UPS แต่ละรุ่นจะมีการระบุช่วงแรงดันไฟฟ้าที่ตัวแบตเตอรี่สามารถรับได้ โดยหากชาร์จด้วยแรงดันไฟฟ้าที่ต่ำเกินไปจะส่งผลให้มีตัวผลึกซัลเฟตก่อตัวบนแผ่นของแบตเตอรี่ได้ และพอนานวันตัวผลึกนี้จะเกิดการแข็งตัว ส่งผลให้แบตเตอรี่มีประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ในอีกกรณีคือการอัดประจุด้วยการชาร์จไฟแรง ๆ จะก่อให้เกิดการสร้างก๊าซไฮโดรเจน และออกซิเจน ภายในแบตเตอรี่มากเกินไป ทำให้ภายในเครื่องมีความแห้งมาก ๆ จนไม่สามารถทำงานได้ อาจจะทำให้เกิดไฟไหม้ หรือกระทั่งระเบิดได้

5.ปล่อยให้ตัวกรองอากาศสกปรก

และเหตุผลสุดท้ายที่พบเจอ คือการทิ้งให้ตัวเครื่องสำรองไฟฟ้า มีฝุ่นจับ จนตัวกรองอากาศสกปรก ซึ่งจะส่งผลให้ส่วนประกอบภายในเครื่องไม่สามารถระบายอากาศได้ดี ทำให้เครื่องร้อนจนเกินไป และเสื่อมสภาพลงไปในที่สุด โดยเราต้องคอยเช็คทำความสะอาดอยู่เสมอ เพราะบางครั้งตัวเซ็นเซอร์ที่บอกอุณหภูมิอาจจะไม่ได้ส่งสัญญาณเตือนบนหน้าจอได้

แบตเตอรี่ UPS เปรียบเสมือนหัวใจของระบบเครื่องสำรองไฟฟ้า ที่ต้องได้รับการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อเราต้องพบเจอกับสถานการณ์คับขัน เครื่อง UPS จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถปกป้องความเสียหายต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ โดยแบตเตอรี่ UPS นั้นต้องได้รับการตรวจสอบทุกครึ่งปี เพื่อทำการประเมินสภาพ และทำการเปลี่ยนตามกำหนดเวลา หากสนใจแบตเตอรี่ UPS ที่มีคุณภาพ ให้ลองมาปรึกษากับทางแบรนด์ Chuphotic (ชูโฟทิค) แบรนด์ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องสำรองไฟฟ้า และแบตเตอรี่ UPS  โดยเฉพาะ ทางแบรนด์มีทีมวิศวกร และช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญเคยให้คำปรึกษา พร้อมกับมีการอธิบายให้เข้าใจถึงการใช้งานอย่างละเอียด เพื่อให้เครื่องสำรองไฟ และแบตเตอรี่ของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่ากับการลงทุนมากที่สุด

โดยสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมต่าง ๆ ได้ตลอด 24 ชม. ได้ที่
Tel : 02-186-3010
Line : @chuphotic (with @)
Email : [email protected]

Website : www.chuphotic.com