รายการโทรทัศน์

ชีวิตไม่ได้ปูด้วยพรมแดง เปิ้ล จารุณี เผยเคยทำงานก่อสร้างก่อนก้าวสู่ราชินีนักบู๊ของเมืองไทย พร้อมเผยความสุขที่สุดของชีวิต

1 Mins read

เพิ่มเพื่อนสมัครดูคลิปสะสมแต้ม https://lin.ee/AFG7U5F รับ50 Newsplus point ฟรี

    เมื่อ เปิ้ล จารุณี สุขสวัสดิ์  ได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ  Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ได้เปิดแบบหมดเปลือกทุกเรื่องราวของชีวิตในเรื่องราวของชีวิต ชีวิตตอนเด็กๆไม่ได้ปูด้วยพรมแดงเลย เผยเคยทำงานก่อสร้างก่อนก้าวสู่ราชินีนักบู๊ของเมืองไทย พร้อมเปิดเรื่องราวกับพระเอกที่เข้ามาในชีวิตแต่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จในความรัก และความสุขที่สุดของชีวิตของเปิ้ล จารุณี  

ภาพ เปิ้ล พูดคุย

เปิ้ล จารุณี : ตั้งแต่จำความได้เราไม่ได้อยู่กับครอบครัว เราจะย้ายบ้านบ่อยมากเพราะว่าที่บ้านเขาไม่มีบ้านเป็นหลักแหล่งเขาต้องร่อนเร่ไปย้ายกันอยู่นั่นแหละค่ะ

ถาม ตอนนั้นเรารู้สึกอะไรในใจไหม

เปิ้ล จารุณี : อยากจะเก็บสตางค์เพื่อให้แม่มีสตางค์มากขึ้นเพื่อที่เราจะได้ไปอยู่ด้วยได้ค่ะ เหมือนเป็นปมในใจที่ไม่ได้อยู่กับแม่สักทีเพราะเราคิดถึงแม่ไงคะ

ถาม เคยโกงอายุเพื่อทำงานก่อสร้าง

เปิ้ล จารุณี : เรื่องมันกระชากใจมากคือแม่ไม่ให้เรียน หยุดกันละไม่มีเงินส่งตอนมส.1 เราสามารถสอบต่อได้แล้วเราก็กลุ้มใจว่าแล้วยังไงล่ะ เราชอบการเรียนเราอยากเรียน แม่ไม่ให้เรียนโทรคุยกับป้ากับลุงเขาเป็นช่างฉาบ อายุเรา 12 ปี นะคะ ตอนนั้นต้องบอกว่าตัวเราเองอายุ 15 ปี ไม่งั้นแรงงานเด็กไงคะไม่ได้ ผู้ชายจะคอยคุมแล้วก็พลิกปูนมาใส่หลังเราแล้วเราก็แบกปูนขามันก็สั่นๆแทบจะไม่ไหวพอผสมเสร็จก็ต้องหิ้วปูนไต่ไม้ขึ้นไปชั้นสอง ให้ช่างฉาบได้เดือนหนึ่งทั้งหมดประมาณ 700 บาท (ตอนนั้นเป็นตอนปิดเทอมนะคะ) ดีใจแทบตาย 700 บาทตอนนั้นถือว่าเยอะเลยนะคะ แต่มันก็ไม่สามารถเอามาช่วยยายได้ทันที เพราะมันต้องแบ่งเป็นสามส่วนคือ ส่วนหนึ่งเราเก็บไว้ใช้เรื่องเรียน ส่วนหนึ่งให้แม่ และอีกส่วนช่วยยาย

ถาม แล้วเป็น จารุณี สุขสวัสดิ์ ในงวงการบันเทิงได้อย่างไรเอ่ย

เปิ้ล จารุณี : ระหว่างที่เราอยู่ที่ห้องสมุดโรงเรียนบางกะปิก็อ่านๆไปไทยรัฐลงรับสมัครนักแสดง 7 คนเป็นผู้ชาย 5 คน เป็นผู้หญิง 2 คน ผู้หญิงสองคนเอาเรียบร้อยคนหนึ่งและเตะต่อยเป็นหนึ่งคน เอาเตะต่อยนี่แหละเราไม่ค่อยเรียบร้อยก็เริ่มเขียนจดหมายประกาศสรรพคุณเราเตะต้นกล้วยขาดเลย เราฝึกมาตลอดเขียนไปสมัครเองเลยค่ะ เราก็โม้ไปกะว่าเขาคงจะเห็นภาพเราเป็นนักกีฬาโรงเรียนด้วยเขาก็จะถ่ายรูปหมู่เราก็ตัดเอาตรงหน้าที่เห็นเล็กๆแล้วคนสมัครสองพันกว่า เราก็คิดว่าเราคงไม่ได้แล้วเดี๋ยวค่อยหางานอื่นทำต่อ แต่เขาก็ไม่ได้คัดเราตั้งแต่แรกนะคะ แต่พอเขาไม่ได้จากสองพันกว่าคนนั้นเขาก็ไปเก็บรูปเราเอาขึ้นมาใหม่เราตื่นเต้นมากเรากำลังจะได้เป็นนักแสดงเรากำลังจะมีเงินที่มากขึ้นเขาก็บอกว่าต้องใช้เวลาสี่เดือนในการถ่ายทำ ค่าตอบแทนที่มีให้กับเธอทั้งหมดจะมีให้สี่หมื่นบาท เราก็โอ้วโห่ !! จากเคยได้ 700 มันเป็นหนึ่งหมื่นบาท

ถาม เปิ้ล จารุณี ตอนเข้าวงการฮอตหนัก

ภาพรวม

เปิ้ล จารุณี : อายุ 17 ปี เล่นบ้านทรายทองแล้วเป็นคิวทองแล้ว บ้านทรายทอง ทำให้ชีวิตเปลี่ยนมากเลยค่ะ คิวจะเช้าชนเช้า บางทีสามวันสามคืนไม่ได้นอนเลยค่ะ และแถมเราก็ต้องเรียนด้วย

ถาม แล้วที่มีเสี่ยมาตามจีบอย่างไรเอ่ย 

เปิ้ล จารุณี : เสี่ยมาจีบเนี่ยเขาใช้วิธีนี้ค่ะ เขาไม่ได้มาเองเขาใช้นักข่าวมีอำนาจมากๆค่ะ ต้องอยู่ในกรอบเราไม่สามารถจะไปทำอะไร เมื่อก่อนจะไปห้างก็ไม่ได้นะไม่มีสิทธิ์ที่จะออกไป ถูกห้ามเลยเพราะเราเป็นสินค้าที่ต้องให้เห็นยากๆไปไหนไม่ได้ทำอะไรไม่ได้เป็นคำสั่งเลยค่ะ อันแรกเรารู้สึกไม่พอใจกับการเอานักข่าวมาบีบของที่ในบ้านเราไม่มี เช่น ซาวด์อะเบาท์ อะไรที่มันดูหรูๆหน่อยนะคะ เขาก็ให้นักข่าวที่มีอิทธิพลกับเราเอามาให้คนนี้คนนี้เขาชอบนะเขาฝากให้เอามาให้ ฝากให้เดี๋ยวมีโอกาสวันหลังไปทานข้าวกันอะไรอย่างนี้ เราบอกทานข้าววันหลังเราไม่รู้ แต่วันนี้เราไม่รับเขาก็จะออกรถไปเราเห็นว่าหน้าต่างข้างหลังรถเขายังไม่ได้ปิดขึ้นค่ะ เราก็โยนทั้งหมดใส่รถเขาไปอย่างนี้ค่ะ หยิ่งไม่เอา 

เปิ้ล จารุณี : ประกอบกับตอนนั้นมีพระเอกที่เล่นด้วยกันมาด้วยค่ะ เริ่มมาเท้าแขนบอกคุณแม่ว่าน้ำพริกแม่อร่อยพระเอกที่เล่นด้วยกันเราก็รู้สึกเอ๊ะ !! เขามาแบบนี้แปลกทำไมเจอกันในกองถ่ายก็ได้ก็มีโมโหตามประสาที่เรายังอายุน้อยนะยังไม่ได้รู้จักว่านี่คืออะไรเลยวิ่งหนีเข้าห้อง อาย อาย แบบมีความเขินแบบคนสมัยก่อนค่ะ ก็จะติดใจอยู่กับความรู้สึกกับพระเอกมากกว่าเพราะเขามาเอง อีกคนรวยกว่าก็จริงแต่ดูเขาทำสิดีใจอยู่แป๊ปเดียวไม่กี่วันค่ะ เกิดอุบัติเหตุเรือชน จากเรื่องลูกสาวกำนัน เราทักษะไม่พอกับการที่เราหัด 1 ชั่วโมง พอเราบีบไปมันร่อนค่ะ แต่ว่าในเหตุการณ์ตรงนี้ถ้าคุณผจญ ดวงขจร ที่นั่งอยู่ข้างหลังเขาไม่ช่วยไว้เราคงตาย เข้าเฝือกหน้าก็ฉีกนะคะ ศีรษะก็ล้านไม่รู้ไปครูดกันอย่างไร ตาตุ่มหลุดค่ะ แล้วก็เหมือนในการ์ตูนที่มือแขวน เท้าแขวน รุนแรงถึงขนาดที่เราหยุดหายใจเลยพึ่ๆที่เล่นบู๊ทุกคนเป็นห่วงก็เอาขึ้นรถตู้กันไปแล้วพอจับไม่หายใจแล้วเขาก็ปั๊มกันค่ะเท่าที่รู้ พยายามกันทุกอย่างสรุปเราก็หายใจกลับคืนมา

ถาม พระเอกที่มาทานข้าวที่บ้านทุกวันเพราะว่าคุณแม่ทำอาหารอร่อย ตอนนั้นเรานับได้ไหมว่าเป็นความรักที่เริ่มต้นของ พี่เปิ้ล

เปิ้ล จารุณี : ก็มีเขิน มีอายไงคะ มันเพิ่มเริ่มๆมีเขินเริ่มรู้สึกตัวเองผิดปกติไม่เคยมี

ถาม แล้วก็มาประสบอุบัติเหตุเขามาเยี่ยมมาดูไหม

ภาพ เปิ้ล ในรายการ 2

เปิ้ล จารุณี : เขาไปถ่ายงานที่ประเทศค่ะ เขาก็ได้เห็นจากข่าว แล้วพอกลับมาเขาก็ทำงานทุกวันค่ะ เราก็ได้แต่ตามข่าวเขาค่ะ ซึ่งห๊ะ !! เขารักกันกับนางเอกที่เขาเล่นด้วย เขารักกัน สวีทมากด้วย เปิดตัวรักกันแล้วความรู้สึกเราแปลกค่ะ แปลกอีกแล้วจะเรียกชัดๆคือหึงขึ้นมา ซึ่ง ทั้งๆที่จริงพูดตรงๆยังไม่ได้คุยยังไม่ได้คบเลยด้วยค่ะ (หัวเราะ) 

ถาม หลังจากครั้งนั้นที่เป็นความช็อกผ่านไปก็มีพระเอกมาตามจีบอีก ??

เปิ้ล จารุณี : เล่นด้วยกันมันอยู่ด้วยกันไงคะ ก็คลุกคลีกันในภาพยนตร์เพราะว่าตกลงเรื่องนี้เราเล่นสองครั้ง ถ่ายไปแล้วเกือบจะจบแล้วเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นมาก็จำเป็นต้องเปลี่ยนพระเอกก็เริ่มกันใหม่นะคะ แต่ได้ค่าตัวครั้งเดียวเด็กสังกัด แต่ว่าพระเอกใหม่เข้ามาก็น่ารักค่ะ หมายถึงเขาก็เฟรนด์ลี่ก็มีเรื่องอื่นต่อเพราะเริ่มทำรายได้สมัยก่อนก็จะมีเป็นคู่ขวัญ เขาบิลต์ค่ะ เราไม่รู้หรอกเรานึกว่าเรารักกันจริงๆแต่จริงๆเขาบิลต์เพื่อได้ทำงานง่ายๆเผลอใจชอบกันจริงๆนัดแปดโมงก็มาแปดโมงปัจจุบันพูดได้แล้วนะคะ เมื่อก่อนพูดไม่ค่อยได้แบบนี้บังเอิญคนนี้เขาน่ารักแล้วก็เล่นดนตรีได้หลายอย่าง ร้องเพลงได้ชอบอะไรคล้ายๆกัน ชอบการกีฬาพออย่างเช่น พักถ่ายเราก็จะไปตั้งกระป๋องกันแล้วแล้วก็ซ้อมกันแล้วมีเรื่องราวแบบนี้ ที่เหมือนเป็นเพื่อนกันก็สนิทขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งคิดว่า ก็น่าจะชอบกันเรารู้สึกว่ามันดีจังเลยมีใครบางคนแบบนี้มาส่งกันสี่ทุ่ม ห้าทุ่ม เที่ยงคืน ตีสี่ก็จะเป็นแบบนี้กันตลอด วันหนึ่งพอมาถึงหน้าบ้านเราเลี้ยวขวาเข้าไปปุ๊บเขาซักเบรกคันเร่งอย่างแรงจนเราตกใจค่ะ แล้วก็ถอยจนแบบไม่ต้องดูอะไรเลยเพราะมันดึกแล้ว แล้วเขาก็บอกเรา เปิ้ลๆลงไปก่อนลงไปๆเดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันอย่างนี้ค่ะ เราก็แปลกนะคะ รุ่งเข้าเขามาเฉลยค่ะว่า ภรรยาของเขามานั่งอยู่หน้าเราพร้อมปืน ตอนเราเดินเข้าบ้านที่เราไม่เห็นเพราะว่าเขาอยู่ในรถแล้วก็เพราะว่ามันดึกแล้วด้วยค่ะ ภรรยาเขาเกิดความรู้สึกว่าเขาอาจจะถูกทิ้ง ซึ่งเราก็ไม่เคยทราบมาก่อนเลยค่ะ ว่าเขามีภรรยาแล้วแล้วภรรยาของเขามีท้องด้วยเป็นคนที่คิดถึงสิ่งที่ควรสิ่งที่ถูกต้องนะคะ เราก็เลิกสนิทกับเขา 

ภาพ เปิ้ล ทำท่ากอด

ถาม แต่เหตุการณ์นั้น ณ วันรุ่งขึ้นก็เล่าความจริงทุกอย่าง

เปิ้ล จารุณี : ก็เล่าให้ฟังทุกอย่างค่ะ คุณแม่เขาก็เล่าให้ฟังแล้วก็อยากให้เราเป็นตัวไปกำจัดแต่ไม่ใช่เขารักกันจนกระทั่งเขามีลูกแล้วนะคะ เพียงแต่ว่าคุณแม่เขาอาจจะไม่ชอบบางอย่างหรือว่าอย่างไรตามประสาลูกชายฉันก็อยากจะให้รักเราเพราะคุณแม่เขาเชียร์เราแต่หลังจากนั้นเราก็ปลีกตัว

ถาม ครั้งนี้ถือว่าอกหักอีกแล้วไหม

เปิ้ล จารุณี : เขาเคยให้แหวนเราด้วยนะ ให้แหวนล้อมเพชรสีน้ำเงินมีงานสุพรรณหงส์ หรือ ตุ๊กตาทองไปแน่ใจก็จะมีการนั่งโต๊ะยาวของนักแสดงนั่งรวมกันเราก็เห็นนางเอกอีกคนนั่งตรงข้ามเขาก็ยื่นมือมาตักข้าวเราก็ทำไมแหวนเหมือนกันกับเราเลยเสร็จแล้วไม่ใช่คนเดียวในโต๊ะนั้นมีคนใส่แหวนเหมือนเราอีก แล้วไปทราบวันอื่นอีกค่ะ แหวนแบบเดียวกันเขาแจกคงเป็นสักไม่ต่ำกว่า 10 คนคิดว่านะคะ แล้วคือซื้อแบบเดียวกันด้วย ไม่มีไอเดียเลย (หัวเราะ) 

ถาม เคยเกือบจะเฉียดแต่งงาน

เปิ้ล จารุณี : เราจะแต่งค่ะ ในใจเราอยากจะแต่งเต็มที่เลยเป็นคนเดิมที่เอานักข่าวมาติดต่อค่ะ ใช่ที่เสี่ยคนนั้น คือเวลามันผ่านมานานเราไม่ได้เด็กเหมือนเมื่อก่อนเราอยากหนีจากตรงนี้แล้วจากวงการ อุบัติเหตุครั้งแรกเราก็ได้เห็นอะไรพอสมควรแล้วผ่า 5 ครั้ง ใส่เหล็กไม่พิการก็บุญแล้วค่ะ แล้วยังไม่ได้รักษาตามกำหนดอีกเข้าใจแล้วว่าวงการเป็นอย่างนี้เรารู้สึกว่าเราถูกเอาเปรียบเรารู้สึกตั้งแต่อายุ 19 

ถาม แต่ก็ทำให้เรามีเงินอยู่นะ

เปิ้ล จารุณี : ไม่มีค่ะ เพราะเราไม่ได้เก็บเงินเองมันทั้งมีเรื่องที่เราต้องใช้หนี้ มันทั้งมีเรื่องที่เขารู้เรื่องราวครอบครัวเราทั้งหมดคือเราไม่ได้อยู่กับครอบครัวมันเป็นจุดที่จะทำให้เขาบอกได้ว่าถ้าผู้ใหญ่เขาเราในครอบครัวเนี่ย เอาเงินไปให้ผู้ชายคนนี้หมดล่ะ เขามีผู้ชายด้วยเขามีแฟนมันจะละลายหมดเลยเขาหวังดีด้วยเขาจะเป็นผู้จัดการให้จะเป็นชื่อเขาและเผื่อเด็กหญิงจารุณี ระหว่างคิดหาทางอะไรเป็นอย่างไรก็เกิดอุบัติเหตุอีกแล้วยังไม่ทันถึง 2 ปีเลยรถคว่ำระหว่างการย้ายกองถ่ายเพื่อไปถ่ายทำเรื่องบ้านสีดอกรัก เราเกาะอยู่ข้างหลังรถเพราะว่าเราคิดว่าแค่ข้ามน้ำไปเป็นรถจิ๊บมีพี่เบิร์ด ธงไชยนั่งอยู่ด้วย มีพี่จิ๊ก เนาวรัตน์ ด้วยเราก็ขึ้นมาใกล้แค่นี้เองก็เกาะข้างหลังก็ปลิวลงไปติดซุง ถ้าไม่ติดซุงก็ตกลงไปก้นเหว ก็อาจจะอายุกันด้วยความคะนองด้วยผ่านน้ำมาก็ทำเป็นแบบจะชน ได้ยินเสียงว๊าย อยู่สองว๊าย แล้วเราก็ไม่รู้เรื่องเลย ตอนนั้นร่างกายหลังคือหักค่ะ ผ่าตัดเสร็จยังไม่ฟื้นรีบเอาไปดูกันเลือดคลั่งในสมองไปอีกแล้วเลือดมันซึมออกมาอยู่ตรงนอกเนื้อเยื่อมันมีเลือดไหลออกมาเองบนหมอนบนที่นอนไม่ต้องผ่าสมองพอเราฟื้นแล้วก็ต้องมีการทดลองกันว่าเป็นอย่างไรคุณหมอขื่อสงัด  เพราะเขาเป็นคุณหมอช่วยชีวิตและคุณหมอน่ารักมากคุณหมอเอาเข็มจิ้มจนเลือดออกเราก็ไม่รู้สึกตกลงว่ามันเป็นอาการของอัมพาต

ภาพ เปิ้ล พูดคุยในรายการ

ถาม กว่าจะผ่านวันเวลาแบบนั้นมาจนกระทั่งถึงวันนี้ อะไรที่ทำให้ พี่เปิ้ล มีวิธีคิดที่รู้สึกว่า ฉันจะไม่มีวันกลับไปทำร้ายตัวเองแบบนั้นอีก

เปิ้ล จารุณี : ไม่ทำแล้วค่ะ เรามีคุณค่ามากมาย อย่างน้อยอาจจะไม่ได้เป็นในลักษณะชื่อเสียง แต่สิ่งที่เราเคยทำมาสิ่งที่เราตั้งใจ ตั้งใจดีนะคะ ในบางคนเห็น แค่นั้นมีค่ามากเหลือเกินแล้วค่ะ เราหยุดมองสิ่งที่ไม่ดีเพราะไม่มีประโยชน์คิดเท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์ทั้งกับเขากับเรา เราก็คิดในเรื่องที่เราชื่นใจ และก็มีคุณค่าแก่กันและกัน

ถาม จนกระทั่งถึงวันนี้ พี่เปิ้ล กล้าพูดว่าความสุขหนึ่ง ซึ่งเป็นความสุขมากๆของจารุณี สุขสวัสดิ์คือ มีโอกาสได้พบคุณพ่อ ซึ่งก็ใช้เวลายาวนานมากในการตามหา

ad มาเป็นเพื่อนกันกับ newsplus ซอป ฟรี 144
มาเป็นเพื่อนกัน https://lin.ee/AFG7U5F

เปิ้ล จารุณี : ใช่ค่ะ ยาวนานมากค่ะและก็นิยายมากต้องขอบพระคุณ พี่จิ๊ ของเรา คุณอัจฉราพรรณ มากๆค่ะ จากการที่เราถ่ายละครกันแล้ว เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคัตปุ๊บจารุณี ต้องไปอยู่ในรถ ไม่เสวนาไม่สุงสิงกับใครเลยมันจะดังอะไรขนาดนั้นมันอะไรกันเนี่ย เป็นซุปตาร์มาก แต่แกก็ไม่อะไรด้วยความเป็นคนจิตใจดีมีอะไรก็พูดค่ะ ไปเรียกมา มาถามมันอย่างไร รู้มั้ยว่าเล่นละครมันต้องต่อบทกัน เราก็รู้สึกผิดค่ะ ที่เราไปอยู่ในรถเพราะเราเป็นคนอยู่คนเดียวค่ะ เพราะฉะนั้นจะมีเรื่องข้างโน้นข้างนี่ เรื่องธนาคารเรื่องอะไรต่ออะไรยังไม่ได้โทรหาคนนั้นยังไม่ได้อะไรคนนี้ เรากราบขอโทษค่ะขอโทษจริงๆเขาก็เริ่มสนใจว่าบอกมาสิพ่อแม่เป็นใคร มีรูปอยู่หนึ่งรูปขาวดำ ถามยายแล้วยายหลุดปากมาว่าก็พอแกนั่นแหละ ตั้งแต่นั้นก็พยามตามแต่มันไม่เจอค่ะ แต่เราทราบว่าเขาทำงานแอร์ฟรานซ์ ทราบแค่นั้น รู้ชื่อ รู้ที่ทำงาน ก็เป็น พี่จิ๊ มาจุดประกายว่าชาวต่างชาติจะอายุยืน ต้องมีความหวังไว้ก่อนว่าเขายังอยู่ พ่อเป็นกำลังใจสำคัญ สำหรับเราตั้งแต่ตอนเราเหนื่อยมากๆ ตอนที่พอเริ่มถูกจัดคิวกลางวันกลางคืนแล้วค่ะ เราไม่เคยวาดรูปเราก็วาดรูปไว้ตีสเกลแล้วก็เอาเขาแปะไว้ แล้วก็สวัสดีเขาทุกวันคือมีพ่ออยู่ในใจเป็นกำลังใจ โดยที่ไม่มีตัวตนมาตั้งแต่แรกๆ คุณชองตัล เป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลที่แอร์ฟรานซ์ มีคนหนึ่งเค้าก็บอกชื่อนะคะ แต่ตอนนี้ลืมแล้วค่ะ เขาเก็บรูปนี้ไว้ตั้งแต่วันที่มีผู้หญิงพาเด็กมา แล้วก็ถามถึงอย่างนี้ พอหยิบขึ้นมาให้ดูบนโต๊ะเราบอกว่านี่เรา แล้วเราก็หยิบจากกระเป๋าเรามามันเป็นรูปม้วนเดียวกัน นิยายไหมคะ (หัวเราะ)

สามารถชมคลิป ย้อนหลัง ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูป