Star News

แนท อนิพรณ์ เคลียร์! เจ้าหนี้ทวงเงินแม่ รับไม่ได้เจอร่วมปี

1 Mins read

แนท อนิพรณ์ เผยรับรู้เรื่องคุณแม่ถูกเจ้าหนี้ตามพร้อมกับทุกคน ส่วนตัวไม่ได้เจอกับคุณแม่มาเป็นปีแล้ว มีงอนกันบ้าง ยังไม่ได้โทรคุยเรื่องรายละเอียดกับคุณแม่ รอเขาพร้อม เจ้าหนี้ส่วนใหญ่เข้าหาทางพี่สาว ไม่มีใครเข้าหาหนูโดยตรงเลย เรื่องทำให้เสียชื่อเสียงตนมองมันคนละส่วนกัน ไม่กังวลว่าจะกระทบงาน ยอดหนี้หลักล้านตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเพราะเป็นเรื่องของกฎหมายตอนนี้อยู่ในช่วงไกล่เกลี่ย ตนไม่มีสิทธิ์ในการจัดการอยู่แล้ว ทุกวันนี้ตนมีหน้าที่ดูแลคุณตาคุณยายและน้องขอทำตรงนี้ให้ดีที่สุด ในส่วนปกติที่ตนดูแลแม่ก็มีค่ารักษาตา ค่ากายภาพ ไม่รู้โมเดลิ่งที่คุณแม่บอกมีจริงไหม รับห่วงความรู้สึกคุณตาคุณยาย

จากประเด็นมีผู้เสียหายถูกหลอกชักชวนลงทุนธุรกิจโมเดลลิ่งและถ่ายโผฆษณาสินค้า จนเสียเงินไปหลายล้านบาท และสุดท้ายไม่เงินคืน จึงรวมตัวกันออกแฉ และเข้าแจ้งความกับนางสาวภิญญลักษณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์ ซึ่งเป็นคุณแม่ของสาว แนท อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015 ล่าสุดได้สาวแนทในงาน “Wedding Fair 2020 by NEO”  เจ้าตัวเลยชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่า

“จริงๆ หนูก็รับรู้พร้อมกับทุกๆ คนนะคะ อันนี้คือเรื่องจริง หนูรับรู้ข้อมูลที่ค่อนข้างลึกลับซับซ้อนหรือใดๆ ก็ตามเกี่ยวกับเจ้าหนี้พร้อมกับทุกๆ คนเลยค่ะ จริงๆ หนูกับแม่เรางอนกันบ่อยอยู่แล้วค่ะ งอนตามประสาเด็กขี้น้อยใจ และหนูก็จะรอว่าเมื่อไหร่แม่จะทักมานะ คือเป็นการงอนกันเล็กๆน้อยๆ แต่ด้วยความที่หนูไม่คิดเหมือนกันว่าการที่เราไม่ได้คุยกันเยอะๆ มันจะทำให้เราไม่รู้เรื่องอะไรขนาดนี้ เพราะที่ผ่านมาถึงแม้เราจะคุยกันบ้าง แต่ก็แค่ประปรายเท่านั้น ไม่ได้ลงดีเทลลึกๆ เลย ไม่ได้ตัวต่อตัวก็คือเป็นปีค่ะ เพราะหนูจะมีบ้านที่อยู่กับคุณตาคุณยาย และบวกกับช่วงหลังมานี้หนูทำงานค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะตอนที่ถ่ายละครเรื่องรักสิบล้อ ตอนนั้นหนูเองก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้านเลยด้วย หนูจะอยู่กับคุณน้าเป็นหลักเพราะคุณน้าจะคอยดูแลรับส่ง อย่างที่คุณแม่บอกว่าเอาของที่เราให้ไปขาย จริงๆ มันก็เป็นของนอกกายเนอะ เหมือนกับที่คุณแม่ให้สัมภาษณ์นั่นแหละค่ะ

 ถามว่าคุณแม่มีปัญหาด้านการเงินไหม ในข้อเท็จจริงอันนี้หนูไม่ทราบ เหมือนหนูเป็นคนที่แฟร์ๆ แมนๆ ด้วยมั้งคะ ค่อนข้างให้เกียรติและให้อิสระกับทุกคน ยกตัวอย่าง ถ้าหนูให้เงินคุณตาคุณยาย หนูก็จะไม่ถามท่านเลยว่าท่านเอาเงินไปทำอะไร หนูจะไม่ไปลงรายละเอียดตรงนั้น เพราะหนูรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ที่เขาต้องรับผิดชอบเอง เรื่องนี้ที่หนูรู้ก็เพราะมีคนติดต่อมาทางพี่สาวหนูค่ะ ตอนนั้นหนูก็งงเหมือนกันว่าทำไมอยู่ๆ พี่สาวหนูเขาก็เงียบๆ ไป หนูเลยถามว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นหนูถึงได้รับทราบค่ะ ในส่วนของการทำงานของคุณแม่ จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้คุณแม่ทำงานกับหนูนะคะ ค่าใช้จ่ายต่างๆ หนูจะหักให้แม่ 30 เปอร์เซ็นต์จากทุกงานที่แม่หาได้ และ 30 เปอร์เซ็นต์จากงานละครด้วยและตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่ได้โทรเคลียร์กันขนาดนั้นค่ะ เพราะตอนนี้จากที่คุณแม่ให้สัมภาษณ์เหมือนท่านก็พยายามหลบเราไปหลบเรามา แต่หนูเชื่อว่าถ้าหากแม่พร้อม ยังไงแม่ก็อยากคุยกับหนูอยู่แล้ว ส่วนตัวหนูเองหนูก็อยากคุยกับแม่อยู่แล้วค่ะ

 มันตลกอยู่อย่างหนึ่งนะคะ ก็คือเจ้าหนี้ทุกคนมักจะเข้าหาพี่สาวหนู แต่ไม่มีใครเข้าหาหนูโดยตรงเลย เรื่องเสียชื่อเสียงหนูมองว่ามันแยกส่วนกันนะคะ หนูเป็นแบบไหน หนูก็ยังเป็นแบบนั้นเสมอมา และอย่างที่บอกเราต้องให้เกียรติเขาค่ะ เขาจะทำอะไรเราไม่สามารถไปบังคับชีวิตเขาได้ เรื่องยอดหนี้ตรงนี้ที่หนูคุยผ่านพี่สาวเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องของกระบวนการทางกฎหมายไปแล้ว และในช่วงนี้ก็น่าจะเป็นขั้นตอนของการไกล่เกลี่ย การนัดกันไปที่สถานีตำรวจและคุยรายละเอียดกันระหว่างคุณแม่กับเจ้าหนี้ ซึ่งหนูยังไม่ได้เข้าไปแทรกแทรง หนูไม่มีสิทธิ์จะเข้าไปจัดการอยู่แล้วค่ะ เพราะเท่าที่ทราบเหมือนเขาเองก็กำลังนัดกับตำรวจ และทุกอย่างก็อยู่ในกระบวนการทางกฎหมาย ถ้าถามว่าแม่เขาไม่มีเงินจะจ่ายแล้ว เราพร้อมจะซัพพอร์ทช่วยเหลือไหมคือตอนนี้หนูต้องยอมรับว่า หนูดูแลคุณตา คุณยายและน้องมาตลอด หนูเหมือนเป็นหัวหน้าครอบครัวค่ะ ซึ่งหนูก็ยังอยากทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดก่อน เพราะว่าตอนนี้คุณตา คุณยายก็แก่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นค่าหมอ ค่ารักษาพยาบาลใดๆ หนูเป็นคนที่รับผิดชอบค่ะ

 ในส่วนตรงนั้นหนูต้องขอให้หนูกลับไปคุยกับทางครอบครัวหนูอีกทีหนึ่งค่ะ แต่ยังไงแล้วหน้าที่หลักของหนูคือต้องดูแลคุณตาคุณยาย แล้วก็มีน้องอีกค่ะ ส่วนเรื่องที่บอกว่างอนกันก็ประมาณว่าแม่มารับช้าอะไรแบบนี้ค่ะ หนูถ่ายละครแล้วมันเลิกดึกแล้วแม่มารับช้าก็เหมือนงอนๆ บางทีแม่แกเขามีปัญหาในเรื่องของผ่าตัดตา แล้วเขาจะตาฝ้าๆ แล้วต้องทำกายภาพ บางทีเขาก็ลุกไม่ไหวในการที่จะมารับส่งเรา เราก็งอน ทำไมไม่มาหา ไม่มารับไม่มาส่ง แต่ว่าน้าเขาก็เป็นคนมาแสตนบายตลอดค่ะ แต่เราก็จะงอนๆ คือถามว่าแม่ขอโทษไหม จริงๆ แม่ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกค่ะ เพราะว่าเหมือนที่หนูบอกมันเป็นสิทธิของเขาว่าเขาจะทำอะไร หนูไม่สามารถจะห้ามได้อยู่แล้ว เหมือนกับคนที่มีลูก เราเลี้ยงลูกให้โตขึ้นมาได้ แต่เราไม่สามารถเลี้ยงความคิดความอ่านเขาได้ ถ้าเป็นในกรณีนี้ก็อาจจะคล้ายๆกัน ทุกคนก็มีสิทธิเสรีภาพทางความคิด 

ซึ่งหนูไม่สามารถไปจำกัดความคิดของใครได้ค่ะ หนูก็รู้สึกดีใจที่แม่เขาไม่อยากให้เจ้าหนี้มาระรานเรานะ แต่จริงๆ เจ้าหนี้ก็ไม่ได้มีใครได้มาคุกคามหรือมาต่อว่าอะไรหนูนะ เขาก็น่ารักนะคะ ไม่งั้นเขาก็คงเหมือนเขียนด่าหนูไปแล้ว แต่ว่าก็ยังไม่มีนะคะ ไม่กังวลว่าเรื่องจะกระทบงานคือเหมือนที่หนูบอกว่าต้องแยกส่วนกัน อันนั้นคือสิ่งที่แม่ทำ แต่ว่าในส่วนตัวหนูถามว่ากังวลไหมหรอ เพราะเรารู้ว่าเราเป็นยังไง หนูเป็นยังไง หนูก็ยังเป็นอย่างนั้นเหมือนเดิมในส่วนเงินที่หนูมีให้แม่ หนูก็มีให้เขาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล คุณแม่ผ่าตัดตา 2 ข้าง หนูก็โอนให้แม่อยู่แล้ว ค่าทำกายภาพ ค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ เราก็มีการดูแลมาตลอดอยู่แล้วค่ะ จนถึงวันนี้ก็ยังดูแลอยู่ค่ะ 

เรื่องโมเดลลิ่งอันนี้หนูไม่ทราบจริงๆในฐานะลูกก็เป็นห่วงอยู่แล้วค่ะ ก็เป็นห่วง ถามว่ากลัวเขาจะคิดมากไหม หนูรู้สึกว่าถ้าเขามาถึงตรงนี้ได้ เขาก็สตรองนะ เอาแบบตรงๆ นะ เพราะเราก็รู้พร้อมกันหมดนะ ไม่ได้รู้ก่อนหน้านี้ ถ้าสมมติว่าเจ้าหนี้เขาไม่ทวงถาม ไม่โทรหาพี่สาว เราก็ไม่ทราบ ก็เป็นห่วงอยู่แล้วค่ะ เป็นห่วงในความรู้สึกของคุณตา คุณยายด้วย หนูก็จะบอกเสมอว่า หนูจะดูแลตากับยายให้ดีที่สุดค่ะ คือทุกคนก็ทราบพร้อมๆ กันนะคะ แต่ท่านก็อายุเยอะแล้วท่านก็ใช้คำว่าก็เข้าใจและต้องยอมรับแค่นั้นแหละค่ะ เรื่องนี้จริงๆ ไม่ได้สร้างความแตกหักให้หนูกับแม่หรอกค่ะ มันแยกส่วนกันค่ะ”

[catlist id=35 numberposts=5 excludeposts=this]