โทรศัพท์มือถือใครสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกหน้าจอได้บ้าง?
หากถามคำถามนี้ เชื่อว่าคนกว่า 90% ต้องตอบว่าทำได้แน่นอน เพราะเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าหรือการตรวจจับใบหน้าด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ถูกพัฒนาให้สามารถระบุตัวตนได้แม่นยำ และถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายบนอุปกรณ์และระบบต่าง ๆ แล้วจะมีเรื่องอะไรน่ารู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคตนี้บ้าง มาดูกันเลย!
- การยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า คืออะไร?
การยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า (Face Authentication) เป็นเทคโนโลยีชีวภาพ (Biometrics) ประเภทหนึ่ง ที่ใช้ใบหน้าของบุคคลในการยืนยันตัวตน เปรียบเสมือนกุญแจส่วนตัวที่ไม่เหมือนใคร โดยเทคโนโลยีนี้ทำงานด้วยการใช้กล้องสแกนโครงสร้างใบหน้า (Facial Structure) ของบุคคล แล้วนำมาเปรียบเทียบกับข้อมูลใบหน้าที่เก็บไว้ในฐานข้อมูล หากตรงกัน ระบบก็จะอนุมัติให้เข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ โดยอัตโนมัติ ถือเป็นเทคโนโลยีที่ปลอดภัยระดับสูง และปลอดภัยกว่าการใช้รหัสผ่านทั่วไปด้วย
2 . วิธีการทำงานของเทคโนโลยีการยืนยันด้วยใบหน้า
แม้ว่าการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ขึ้นมา จะมีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก แต่เมื่อมาถึงมือผู้ใช้งาน กลับมีวิธีการทำงานที่เข้าใจง่าย สามารถใช้งานได้ใน 4 ขั้นตอนเท่านั้น ดังนี้
- การสแกนใบหน้า: กล้องจะทำการจับภาพใบหน้าของบุคคลเพื่อบันทึกข้อมูลทั้งหมดไว้
- การวิเคราะห์ใบหน้า: ระบบจะวิเคราะห์โครงสร้างใบหน้า เช่น ระยะห่างระหว่างดวงตา รูปร่างของจมูก โหนกแก้ม และรูปร่างของใบหน้า เพื่อเก็บไว้ในฐานข้อมูล
- การเปรียบเทียบใบหน้า: เมื่อมีการสแกนใบหน้าเกิดขึ้น ระบบจะเปรียบเทียบข้อมูลใบหน้าที่สแกนได้กับข้อมูลใบหน้าที่เก็บไว้ในฐานข้อมูลว่าตรงกันหรือไม่
- การยืนยันตัวตน: หากสแกนใบหน้าแล้วข้อมูลตรงกัน ระบบจะยืนยันตัวตนของบุคคลนั้นและอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลได้เลย
3. ข้อดีของการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า
ข้อดีหลักของเทคโนโลยีนี้ นอกเหนือจากเรื่องความปลอดภัย ก็คือความสะดวกรวดเร็ว เพราะเพียงหันหน้าเข้าหาเครื่องสแกน ไม่ต้องกดปุ่มหรือพิมพ์อะไร ก็สามารถปลดล็อกและเข้าถึงข้อมูลได้เลย รวดเร็วทันใจ เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความคล่องตัวเป็นอย่างยิ่ง รวมถึงยังสามารถใช้งานได้ง่าย ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ หากมีการบันทึกใบหน้าไว้ในครั้งแรก ก็สามารถใช้งานระบบนี้ได้ทั้งสิ้น
4. ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย
เทคโนโลยีการยืนยันตัวตนโดยการสแกนใบหน้า ถูกนำไปใช้งานในหลากหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงินและธนาคาร ด้านระบบการจัดการทรัพยากรมนุษย์ ด้านความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยสามารถยกตัวอย่างให้เห็นภาพได้ ดังนี้
- การใช้งานในธนาคาร: ใช้ยืนยันตัวตนเพื่อถอนเงิน โอนเงิน หรือทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ
- การใช้งานในสนามบิน: ใช้ยืนยันตัวตนเพื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง
- การใช้งานในอาคารสำนักงาน: ใช้ยืนยันตัวตนเพื่อเข้า-ออกอาคาร
และนี่คือ 4 เรื่องน่ารู้ในการใช้งานเทคโนโลยียืนยันตัวตนด้วยใบหน้า ซึ่งในอนาคต เทคโนโลยีนี้ก็มีแนวโน้มที่จะถูกพัฒนาให้แม่นยำ ปลอดภัย และใช้งานง่ายมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อประชากรโลกอย่างแน่นอน
