องค์การสุรา กรมสรรพสามิต จับมือ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)ลงนาม MOU ปรับปรุงเพิ่มการผลิตแอลกอฮอล์ สร้างจุดเปลี่ยนและความได้เปรียบด้านพลังงานให้ประเทศไทย
(28 พค.67)ที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย จ.ปทุมธานี องค์การสุรา กรมสรรพสามิต ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)
โดยมีนายณัฐกร อุเทนสุต ประธานกรรมการบริหารกิจการขององค์การสุรา กรมสรรพสามิต เป็นสักขีพยาน
ระหว่าง นายสัญชัย ชาสมบัติ ผู้อำนวยการ องค์การสุรา กรมสรรพสามิต
และ ศ. (วิจัย) ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)พร้อมด้วยผู้บริหารของทั้ง 2 องค์กรเข้าร่วมกิจกรรม
ศ. (วิจัย) ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การร่วมมือของทั้งสองหน่วยงานจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานของทั้งสององค์กรเพื่อให้โครงการปรับปรุงกระบวนการเพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิตแอลกอฮอล อย่างมีคุณภาพ
ลดภาวะโลกร้อน เพิ่มพลังงานสะอาดและเพิ่มความยั่งยืนให้กับเกษตรกรและชุมชน
ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์การสุรา ที่ต้องการสร้างคุณค่าให้สังคมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ทำให้เชื่อว่าความร่วมมือครั้งนี้จะสร้างนวัตกรรมใหม่ เพิ่มผลิตภาพการผลิตแอลกอฮอล์ ทั้งใช้ทางการแพทย์ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม ลดการปลดปล่อยก๊าชเรือนกระจก ลดต้นทุนการผลิตแอลกอฮอล์ จากกากน้ำตาล และหันไปใช้มันสำปะหลังในการผลิตเอทานอล (Ethanol) เพื่อเพิ่มพลังงานสะอาด ฯลฯ และสนับสนุนยุทธศาสตร์ ความยั่งยืนทางสังคม
ขณะที่นายณัฐกร อุเทนสุต ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต และประธานกรรมการบริหารกิจการขององค์การสุรา กรมสรรพสามิต ย้ำว่าองค์การสุรา มีความมุ่งมั่นวิจัยต่อยอดการผลิตแอลกอฮอล์ ให้ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นกว่าปัจจุบัน
ทั้งเรื่อง ผลิตก๊าซ NGV LPG และเอทานอล (Ethanol) เชื้อเพลิง การผลิตอาหาร เพื่อให้ประเทศไทยเกิด Soft Power การร่วมมือครั้งนี้จะเป็นก้าวที่ทำให้อุตสาหกรรมไทยมีประสิทธิภาพ สร้างความยั่งยืนระยะยาว และมั่นใจได้ว่ามีคุณภาพปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน
ด้านนายสัญชัย ชาสมบัติ ผู้อำนวยการ องค์การสุรา กรมสรรพสามิต กล่าวขอบคุณความร่วมมือในครั้งนี้ กว่า 60 ปี ที่องค์การสุรา กรมสรรพสามิต ถือเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ที่ดำเนินการอย่างมีมาตรฐานมาอย่างยาวนาน
การลงนาม MOU ครั้งนี้จะสร้างความเข้มแข็งและเป็นจุดเปลี่ยนในการนำเอทานอล (Ethanol) มาเป็นพลังงานเชื้อเพลิงขับเคลื่อนประเทศ เพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับประเทศไทย
