สำหรับใครที่กำลังมีแผนกู้เงินเพื่อนำไปต่อเติมบ้าน จ่ายค่าเทอมให้บุตร ลงทุนธุรกิจ หรือนำไปชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูง การขอสินเชื่อส่วนบุคคลอาจเป็นช่องทางหนึ่งที่น่าจะตอบโจทย์ที่สุด เนื่องจากเป็นสินเชื่ออเนกประสงค์ที่ไม่จำกัดวัตถุประสงค์ในการใช้ นอกจากนี้ ยังมีลักษณะเด่นตรงที่ไม่ต้องใช้บุคคลหรือหลักทรัพย์ในการค้ำประกัน หมดปัญหาวิ่งเต้นหาคนมาค้ำประกันให้ เพราะปัจจุบันคงไม่มีใครอยากเสี่ยงเป็นหนี้เพื่อคนอื่นแล้ว ที่สำคัญวงเงินที่สถาบันการเงินจะอนุมัติให้คือ 5 เท่าของรายได้สูงสุด ซึ่งเรียกว่าไม่สูงเกินไปจนกลายเป็นภาระนี้ที่ต้องแบกรับเป็นเวลานาน โดยในวันนี้เรามีเคล็ดลับขั้นตอนการขอสินเชื่อส่วนบุคคลให้ผ่านฉลุยในรอบเดียวมาให้ทุกคนได้ศึกษากัน จะได้เตรียมวางแผนกันล่วงหน้าก่อนตัดสินใจกู้เงิน
ขั้นตอนการขอสินเชื่อมีอะไรบ้าง?
ก่อนจะเริ่มขั้นตอนการขอสินเชื่อผู้กู้ควรทำการตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นก่อนว่าสามารถขอสินเชื่อได้หรือไม่ เนื่องจากธนาคารแต่ละแห่งได้กำหนดเงื่อนไขและรายละเอียดไม่เหมือนกัน ซึ่งหากมีคุณสมบัติที่สามารถยื่นขอสินเชื่อได้จะต้องเตรียมตัวต่อด้วยขั้นตอน ดังนี้
- สมัครสินเชื่อ โดยปัจจุบันสามารถทำได้ 2 ช่องทางคือสมัครที่จุดให้บริการของธนาคารนั้นๆ หรือสมัครผ่านช่องทางออนไลน์แล้วยื่นเอกสารเพิ่มเติมที่จุดบริการก็ได้เช่นเดียวกัน
- การเตรียมเอกสาร เป็นขั้นตอนการขอสินเชื่อที่สำคัญมาก โดยจะต้องเตรียมให้ครบเพื่อการพิจารณาอนุมัติ ดังนี้
- บัตรประชาชนตัวจริง
- สำเนาบัตรประชาชน
- สลิปเงินเดือน หรือหนังสือรับรองเงินเดือนตัวจริง ที่ระบุทั้งเงินเดือน ตำแหน่ง และอายุงาน โดยจะต้องมีอายุไม่เกิน 60 วัน
- สมุดบัญชีธนาคารตัวจริง
[catlist id=59 numberposts=5 excludeposts=this]
สำหรับผู้ที่ประกอบธุรกิจหรือเป็นเจ้าของกิจการ ต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติมจากข้างต้น ดังนี้
- หนังสือรับรองบริษัทและบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (อายุไม่เกิน 3 เดือน)
- ใบทะเบียนพาณิชย์ (กรณีไม่ใช่นิติบุคคลตามกฎหมาย)
- สำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน (ทั้งบัญชีเจ้าของกิจการและบัญชีส่วนตัว)
- สำเนาบัญชีเงินฝากหน้าแรกของธนาคารที่ระบุชื่อผู้สมัคร
- รับวงเงิน ขั้นตอนการขอสินเชื่อต่อมาคือการรอผลพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ หากผ่านเจ้าหน้าที่ธนาคารจะติดต่อกลับมาเพื่อแจ้งวงเงินที่ได้รับ โดยระยะเวลาการพิจารณานั้นจะขึ้นอยู่กับความครบถ้วนของเอกสาร
และทั้งหมดนี้เป็นขั้นตอนการขอสินเชื่อเบื้องต้นที่ผู้ขอกู้ควรศึกษารายละเอียดไว้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าขั้นตอนที่สำคัญที่สุดคือการตรวจสอบคุณสมบัติว่าตรงกับเกณฑ์ที่ทางสถาบันการเงินระบุไว้หรือไม่ และอีกขั้นตอนที่สำคัญคือการเตรียมเอกสาร ซึ่งหากเอกสารที่เตรียมไปไม่ครบหรือไม่ชัดเจนอาจส่งผลต่อการพิจารณาขอสินเชื่อและวงเงินที่จะได้รับ นอกจากนี้แล้วอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือการชำระหนี้ โดยผู้กู้ควรทำการผ่อนชำระให้ตรงเวลาและครบจำนวนตามที่ทางธนาคารกำหนด เพื่อป้องกันปัญหาดอกเบี้ยบานปลายซึ่งอาจกลายเป็นภาระหนักที่ต้องแบกรับในอนาคต
