Around Town

เปรียบเทียบความเหมือนและความต่าง ระหว่าง TOEFL กับ IELTS

1 Mins read

จะสอบ TOEFL หรือ IELTS ดี? นี่คงเป็นคำถามที่หลาย ๆ คนตั้งต้นเมื่อมีความคิดที่อยากจะไปศึกษาต่อต่างประเทศ เพราะข้อสอบเหล่านี้คือการวัด ความรู้ภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนต่างชาติ เปรียบเสมือนด่านแรกในการยื่นเข้ามหาวิทยาลัยในต่างประเทศ โดยทั้ง TOEFL (Test of English as a Foreign Language) และ IELTS (International English Language Testing System) คือแบบทดสอบภาษาอังกฤษที่ได้รับการ ยอมรับจากสถาบันต่าง ๆ ทั่วโลก

ในบทความนี้จะมาสรุปประเด็นสำคัญระหว่างความเหมือน และความแตกต่างของข้อสอบ TOEFL และ IELTS เพื่อให้เราได้เลือกรูปแบบการสอบที่ เหมาะสมกับตัวเอง และช่วยให้เข้าใจข้อสอบทั้งสองรูปแบบมากขึ้นกัน พร้อมกับแนะนำสถานที่ ติว TOEFL ออนไลน์ ให้เราสามารถเรียนได้สะดวกทุกที่ ทุกเวลา

  • มหาวิทยาลัยที่เราสนใจต้องการ TOEFL หรือ IELTS ?

หลายคนน่าจะเคยได้ยินกันมาบ้างว่า โดยส่วนใหญ่ข้อสอบ TOEFL นั้น สำหรับผู้ที่ต้องการไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา หรือแคนาดา ส่วน IELTS นั้น สำหรับผู้ที่สนใจเรียนที่ประเทศอังกฤษ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย เพราะข้อสอบ TOEFL มีการดำเนินงาน และได้รับการรับรองจากหน่วยงานการศึกษา ที่สหรัฐอเมริกา ทำให้สถาบัน และมหาวิทยาลัยในอเมริกายอมรับข้อสอบตัวนี้ ส่วนข้อสอบ IELTS นั้นมี British Council ดำเนินการ ทำให้ข้อสอบ IELTS ได้รับการยอมรับในมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษ นิวซีแลนด์ และออสเตรเลียมากกว่านั้นเอง อย่างไรก็ตามเราต้องตรวจเช็คกับทาง มหาวิทยาลัยให้ดี ๆ ว่าเค้ารับสมัครข้อสอบแบบไหน เพราะบางมหาวิทยาลัยก็ยอมข้อสอบทั้ง 2 รูปแบบ เพื่อกันข้อผิดพลาดต่าง ๆ นะ

Mar 21 XChange ติว TOEFL ออนไลน์ 1
  • ต่อไปมาดูตัวข้อสอบ TOEFL และ IELTS กัน โดยข้อมูลที่นำมาเทียบกันจะเป็นระหว่าง TOEFL iBT และ IELTS Academic

สิ่งที่เหมือนกัน

– ข้อสอบทั้ง 2 รูปแบบ แบ่งออกเป็น 4 พาร์ท เหมือนกันได้แก่ Reading, Writing, Listening และ Speaking

-ราคาค่าสอบถือว่ามีราคาพอ ๆ กัน โดยค่าสอบ TOEFL จะอยู่ที่ประมาณ 6,000 บาท ส่วน IELTS จะอยู่ที่ 6,900 บาท

สิ่งที่แตกต่างกัน

1.พาร์ท Reading: ทั้งข้อสอบ TOEFL และ IELTS จะมีมาให้ 3 – 4 บทความ

-TOEFL จะเป็นการนำบทความเชิงวิชาการ วารสาร งานวิจัย มาให้อ่าน ทำให้เราต้องใช้ทักษะการคิดวิเคราะห์ ทำความเข้าใจก่อนตอบคำถาม ซึ่งนี่ถือเป็นสกิลสำคัญในการเรียนมหาวิทยาลัยเลยก็ว่าได้ เพราะในชีวิตการ เรียนจริงเราต้องอ่านบทความเชิงวิชาการเป็นพัน ๆ เรื่องเลยนะ แต่เราไม่ต้องอ่านทั้งหมด เพียงแต่ต้องจับประเด็นให้เป็น ก็จะทำให้การเรียนง่ายขึ้น มาก

-IELTS จะมีบทความที่สั้นกว่า และหลากหลายกว่าทั้งงานวิจัย สถานการณ์รอบตัว รวมทั้งมีการตอบคำถามที่หลากหลาย อย่างการเติมคำในช่องว่าง, เลือกถูกผิด และ Multiple Choice ทักษะที่ใช้ตอบคำถาม คือการอ่านละจับ Keyword ภายใต้เวลาอันจำกัด

พาร์ท Writing:

-TOEFL หรือ TOEFL iBT (Internet-Based Test) จะเป็นการพิมพ์คำตอบลงบนคอมพิวเตอร์ ที่จะแบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ การเขียนหลัง จากที่เราได้ฟังคำบรรยาย และได้อ่านเรื่องราวที่ข้อสอบให้มา เขียนประมาณ 150 – 225 คำ และเขียนแสดงความคิดเห็นของเรา เขียนขั้นต่ำ 300 คำ

-IELTS จะแบ่งเป็น 2 ส่วนเช่นเดียวกัน ใน Part แรก จะเป็นการเขียนอธิบายข้อมูลอย่างตาราง กราฟ แผนภาพต่าง ๆ เขียนประมาณ 150 คำ ส่วน ของ Part 2 จะเป็นการเขียนแสดงความคิดเห็นของเรา โดยให้เขียน 250 คำขึ้นไป

พาร์ท Listening:

-TOEFL จะเป็นการฟัง Lecture และบทสนทนาทั่วไป โดยเราจะไม่ได้เห็นกระดาษคำตอบตอนที่ฟัง ทำให้ต้องใช้ทักษะการฟัง และสรุปใจความสำคัญของ สิ่งที่ฟังให้ดี หลังจากนั้นจึงตอบคำถามที่เป็นแบบ Multiple Choice

-IELTS จะเน้นไปที่การฟังบทสนทนาทั่วไป แล้วตอบคำถามจากสิ่งที่ได้ยิน ซึ่งรูปแบบคำตอบจะมีหลากหลาย เช่น Multiple Choice, Short- Answer, Labeling หรือ Form Completion ซึ่งว่ากันตามความจริงพาร์ท Listening และ Reading ของ IELTS จะมีความตรงไปตรงมา มากกว่า เพียงแค่ฟังและใส่คำตอบ ไม่ต้องคิดวิเคราะห์เท่ากับการสอบ TOEFL ซึ่งเป็นทักษะที่จะต้องใช้ในชีวิตจริง

พาร์ท Speaking:

-TOEFL จะเป็นการพูดตอบคำถามใส่ไมค์ ซึ่งจะทำการบันทึก และส่งไปตรวจในภายหลัง โดยคำถามที่ได้จะมี 6 ข้อด้วยกัน ในสองข้อแรกจะเป็น คำถามเกี่ยวกับตัวเอง สองข้อต่อมาเราจะต้องตั้งใจฟังบทสนทนา และพูดสรุปจับใจความ พร้อมแสดงความคิดเห็น และสองส่วนสุดท้าย จะเป็นการ ฟัง Lecture ที่เราจะต้องจับประเด็น และพูดสรุปประเด็นสำคัญออกมา

-IELTS จะเป็นการพูดตัวต่อตัวกับกรรมการที่เป็นชาวต่างชาติ โดยจะแบ่งเป็น 3 พาร์ท ส่วนแรกจะเป็นการแนะนำตัวเอง หลังจากนั้นจะได้รับการ์ด คำถาม และต้องตอบตามหัวข้อที่ได้ และจบด้วยการอธิบายความคิดเห็นเพิ่มเติมจากคำถามที่ได้

จะเห็นได้ว่าแนวคำถามของข้อสอบ TOEFL จะเน้นไปในเชิงของการคิดวิเคราะห์ ทำความเข้าใจ และการตีความ ส่วนข้อสอบ IELTS จะมีการตีความ เหมือนกัน แต่เราสามารถเรียนรู้แพทเทิร์นในการตอบคำถามในแต่ละพาร์ทได้ อย่างไรก็ตามการเลือกว่าจะสอบ TOEFL หรือ IELTS ดีนั้นก็ต้องขึ้น อยู่กับกฎเกณฑ์ความต้องการของมหาวิทยาลัยนั้น ๆ หากมหาวิทยาลัยที่เราเลือกสมัคร รับคะแนนทั้งสองรูปแบบ อาจเลือกพิจารณาในแต่ละพาร์ทว่า ข้อสอบแบบไหนเราจะถนัดมากกว่า หรือพิจารณาจากค่าใช้จ่ายในการสอบ และระยะทางในการเดินทาง ส่วนน้อง ๆ คนไหนที่สนใจเสริมความ แข็งแกร่งในการทำข้อสอบ TOEFL ให้สถาบันกวดวิชา XChange English ติว TOEFL ออนไลน์ แบบเข้มข้น เข้าถึงเนื้อหาได้ทุกที่ ทุกเวลา โดย เราจะสอนวิเคราะห์โจทย์ พร้อมแชร์เทคนิคในการตอบคำถามที่นำไปใช้ได้จริงถึงตอนเรียนในมหาลัยในฝันกันเลย นอกจากนั้น หากน้อง ๆ เรียนติว TOEFL ออนไลน์ ไปแล้ว และได้คะแนนยังที่ไม่สมใจ สามารถเรียนซ้ำได้ฟรี!

สามารถเข้าไปทดลองเรียนฟรีได้บนเว็บไซต์ https://xchangeenglish.com/course/toefl ก่อนที่จะตัดสินใจเรียนคอร์สจริงด้วยนะ สอบถาม เพิ่มเติมได้ที่ Line Official: @XChange