เรื่องย่อ :           นางวิสาขา

ผู้จัดซีรีส์            :             ดร.วโรดม ศิริสุข

กำกับการแสดง วลงกรณ์ จับใจ

ที่ปรึกษา :          คุณชาคริต สุวรรณมาลี CEO บริษัท Big Lion Corporation

ดร.อำนาจ หมัดสดาย สมัชชานักจัดรายการข่าววิทยุโทรทัศน์หนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย (สว.นท.)

ดร.ทวีศักดิ์ เผ่าบัณฑูร กรรมการผู้จัดการบริษัท ป่าสักวิลเลจ จำกัด และรองประธานอนุกรรมการฝ่ายกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ที่ปรึกษาสภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย หน่วยเผยแพร่ศีลธรรม กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม  

ออกอากาศ :     วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน 2565 เวลา 23.00-24.00 น. ทางช่อง ททบ.5

นางวิสาขา เป็นธิดา ธนัญชัยเศรษฐี กับนาง สุมนาเทวี ผู้มั่งคั่งแห่งแคว้นภัคคะ ได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าจนบรรลุเป็นพระโสดาบันตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อเป็นสาว ก็ได้แต่งงานกับ ปุณณวัฒนะ บุตรเศรษฐีมิคาระ และ นางกุสุมาเทวี ผู้ไม่นับถือพระพุทธศาสนาแห่งเมืองสาวัตถี ปุณณวัฒนะ มีเพื่อนสนิท คือ สัญชัย เมื่อแต่งงาน นางวิสาขาได้ย้ายมาอยู่ตระกูลสามี พร้อมกับคนรับใช้ที่ชื่อ ปทุมมา นางวิสาขาก็ยังทำบุญในพระพุทธศาสนาเหมือนเดิม เพราะพระอริยบุคคลระดับนี้ ย่อมมีศรัทธามั่นคงในพระรัตนตรัยเป็นอย่างยิ่ง

วันหนึ่งเกิดเรื่องทะเลาะกับบิดาสามีถึงขั้นฟ้องขับไล่นางออกจากตระกูลสามี เมื่อพระภิกษุรูปหนึ่งมายืนอุ้มบาตรอยู่หน้าบ้าน ขณะเศรษฐีบิดาสามีรับประทานอาหารอยู่ นางกระซิบกับภิกษุรูปนั้นให้ไปโปรดข้างหน้า เพราะคุณพ่อนาง (บิดาสามี) กำลัง “กินของเก่า” อยู่ โกสิยอำมาตย์ ผู้พิจารณาความตัดสินว่านางไม่มีความผิด เพราะตามคำอธิบายของนาง “กินของเก่า” หมายถึง กินบุญเก่า มิใช่คำหยาบหรือด่าว่าเสียดสีแต่ประการใด บิดาสามีก็ยอมไม่เอาเรื่องต่อไป การณ์กลับเป็นว่า หลังจากนั้นไม่นาน บิดาสามีกลับมีความเลื่อมใสในตัวลูกสะใภ้มากขึ้น จนถึงกับหันมานับถือพระพุทธศาสนาตามลูกสะใภ้

ตั้งแต่นั้นมา นางวิสาขา ได้สมญานามคล้ายๆ สร้อยนามเพิ่มขึ้นว่า วิสาขา มิคารมาตา (นางวิสาขาผู้เป็นบิดาแห่งมิคารเศรษฐี) ในระหว่างนั้นพระสงฆ์ได้รับอนุญาตให้มีผ้าเพียง 3 ผืน เรียก ไตรจีวร คือผ้านุ่ง เรียก อันตรวาสก หรือ ผ้าสบง ผ้าห่มคลุมเรียก  อุตตราสงค์ หรือ ผ้าจีวร ผ้าห่มซ้อนเรียกว่าสังฆาฏิ

วันหนึ่งนางตระเตรียมภัตตาหารไว้รอถวายพระสงฆ์ ซึ่งเป็นกิจวัตรที่ทำอยู่ประจำ เตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พระคุณเจ้าก็ไม่มาสักที จึงบอกสาวใช้ให้ไปดูซิว่า ทำไมพระคุณเจ้ายังไม่มาบังเอิญตอนนั้นฝนตก พระคุณเจ้าทั้งหลายก็พากันอาบน้ำฝนกัน ก่อนจะเข้าบ้านเพื่อฉันภัตตาหารตามที่นิมนต์ สาวใช้เห็นเข้าก็ตกใจวิ่งหน้าตื่นไปรายงานนายหญิงว่า “ที่วัดไม่มีภิกษุเลยเจ้าค่ะ”

“ไม่มีได้อย่างไร ก็ฉันนิมนต์ท่านไว้แล้ว ท่านก็รับปากแล้ว ไม่มีสักรูปเลยหรือ” นางวิสาขาถามย้ำ

“มีค่ะ แต่ไม่ใช่พระภิกษุ” สาวใช้ตอบ

“เป็นใคร”

“ชีเปลือยเจ้าค่ะ ชีเปลือยเต็มวัดเลย”

นางวิสาขาตกใจ นึกว่า วัดพระเชตะวัน ถูก พวกนิครนถ์ ยึดไปซะแล้ว ไม่น่าเป็นไปได้ จึงตรงดิ่งไปยัง วัดพระเชตะวัน ด้วยความร้อนใจ ไปเห็นพระคุณเจ้าบางรูปกำลังอาบน้ำในชุดวันเกิดอยู่ บางรูปก็อาบน้ำเสร็จแล้ว นุ่งห่มผ้าเรียบร้อยแล้ว จนถึง “บางอ้อ” ที่สาวใช้ว่าในวัดมีแต่พวกชีเปลือยก็คืออย่างนี้นี่เอง เมื่อพระท่านมีผ้าเพียงสามผืนเท่านั้น เวลาอาบน้ำก็ต้องเปลือยกายอาบเป็นธรรมดา นางวิสาขาเห็นว่า พระสมณศากยบุตรควรจะ “เรียบร้อย” กว่านี้ หาไม่ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกนิครนถ์ จึงนำความคิดเรื่องผ้าอาบน้ำฝนไปกราบทูลพระพุทธองค์ และขอพรให้ทรงอนุญาตให้นางได้ถวายผ้าอาบน้ำฝนแก่ พระสงฆ์ พระพุทธเจ้าทรงเห็นดีด้วยกับข้อเสนอของนางวิสาขา จึงตรัสอนุญาตให้ชาวบ้านถวายผ้าอาบน้ำฝนแก่ภิกษุได้ตั้งแต่บัดนั้นมา

นางวิสาขาจึงเป็นคนแรกที่ได้ถวายผ้าอาบน้ำฝนแก่พระสงฆ์ ตั้งแต่วันนั้นมา ไม่มีใครเห็น “ชีเปลือย” ในวัดพระเชตวันอีกเลย