พิ้งกี้ สาวิกา พร้อมทนายปิ๊ก ทรงพล อันนานนท์และคุณหน่อย ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ บอกเขาเป็นคนที่มีไฟทำงานอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว คิดว่าเหมือนไปปฏิบัติธรรมมา พิ้งกี้ เผยไม่ได้ตื่นเต้นมาก เพราะปรับตัว ส่วนตัวมองเหมือนไปเรียนรู้ชีวิต เชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ ความจริงเปลี่ยนไม่ได้ บางครั้งชะตาก็พลัดพาไปเจอในสิ่งที่ไม่คาดหวัง ชีวิตก็เหมือนละครเรื่องหนึ่ง ที่ผ่านมาก็ตั้งรับเหมือนทุกคน ที่ผ่านมาก็เข้าป่าที่นครนายก ฝึกสมาธิอยู่กับตัวเอง แทบจะไม่ได้คุยกับใครเลย นอกจากทนาย ทำสมาธิ สวดมนต์ เราก็ต่อสู้ตามกระบวนการทางกฎหมายว่าอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ทุกคนไม่ต้องตกใจ เชื่อความจริงกับความยุติธรรมจะรอเราที่ปลายอุโมงค์ ลั่นความมั่นใจยังเต็ม และเชื่อมันในตัวเอง ทางคุณแม่กำลังใจดีมาก ส่งพลังใจให้คุณแม่ เพราะเราต้องเดินหน้าทำงาน เราก็เป็นนักสู้ ขอบคุณทุกกำลังใจจากทุกคน ขอบคุณกำลังใจจากทุกคน และอยากให้รอดูตอนจบ เราก็ให้กำลังใจตัวเองว่าช้าๆ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ส่วนคนวิจารณ์เราก็ห้ามไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องธรรมชาติ เราเคารพมุมมองของแต่ละคน
เคลียร์บ้านขายไปนานแล้ว และแม่ไม่ได้เล่นกาาพนันตามที่คนบอก เรื่องงานในวงการ ก็มีประมาณนึงแต่ต้องศึกษาว่ารับได้มากขนาดไหน ขอบคุณลูกค้า พรีเซนเตอร์ ที่ยังเอ็นดูอยู่ ด้านทนาย เผยก็เป็นเรื่องกระบวนในชั้นศาล ศาลก็นัดไว้แล้ว คดีจะเริ่ดต้นพิจารณาเริ่มปลายเดือนสิงหาปีนี้ จบกุมภาพันธ์ปีหน้า สัก 2-3 เดือนคงมีคำพิพากษา เรื่องไม่ได้มีข้อจำกัดการรับงานอะไร แต่ก็คุยกันตลอด ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร เพราะศาลยังไม่ตัดสิน ก็ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ แจงประเด็นถอดกำไล EM คือขอศาลถอดชั่วคราวเพราะต้องถ่ายละคร ซึ่งขอไว้จนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจ คาดถ่ายทำประมาน 6 เดือนได้ แล้วก็ต้องกลับไปใส่ใหม่ เรื่องทั้งหมดอยู่ที่ดุลพินิจของศาล พิจารณาความจำเป็นแล้วแต่กรณีไป
