รายการโทรทัศน์

น้ำตาผู้ให้ “หนุ่มกรรชัย” ร้องไห้เสียฟอร์ม ผ่านบททดสอบชีวิตกว่าจะมาเป็น“ผู้ประกาศข่าว”

1 Mins read

เสียฟอร์มกันเลยทีเดียว สำหรับผู้ประกาศข่าว-พิธีกรสุดฮอต “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” จากรายการ “เที่ยงวันทันเหตุการณ์” และรายการ “โหนกระแส” ทาง ช่อง 3 ถึงกับหลั่งน้ำตากลางรายการ 3 แซ่บ” หลังจากได้กับ “น้องข้าวปั้น” เด็กน้อยที่ตัวเองได้ช่วยเหลือไว้ จากเหตุการณ์ประสบอุบัติเหตุจนถึงขั้นตับแตกมีโอกาสรอดชีวิตเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ ก่อนที่ “หนุ่ม กรรชัย” จะเข้าช่วยเหลือติดต่อประสานนำตัวจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จังหวัดชลบุรี เข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาฯ  จนตอนนี้อาการดีขึ้นและเกือบจะหายเป็นปกติแล้ว

ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไปจากเดิม ?

“เปลี่ยนไปเยอะมาก เมื่อก่อนอยากทำอะไรก็ทำ แต่พอมีลูกมันต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น ยิ่งมาทำเรื่องของข่าวด้วย มันไม่สามารถเกกมะเหรกเกเรเหมือนเมื่อก่อนได้ เพราะเป็นเรื่องการชี้นำสังคมด้วย”

ตอนนี้ไทม์ไลน์เปลี่ยน ตื่นตั้งแต่ตี 5 ?

“เราไม่ได้มีพื้นฐานด้านนี้มาก่อนเลย ฉะนั้นพอวันนึงได้มาทำ เราก็ถูกคำสบประมาทเยอะ เราก็เลยรู้สึกว่าต้องทำการบ้านมากขึ้น ตื่นตั้งแต่ 05.30 น. ออกจากบ้านแล้วไปนัง่ประชุม ดูข้อมูลข่าวจะเล่นเรื่องอะไร โทรหาแขกรับเชิญเอง เราอยากรู้จากต้นตอมากกว่าสติงเกอร์ข่าวที่ส่งมาให้เรา เลยต้องตั้งใจทำการบ้าน”

เคยถูกขู่ฆ่ามั้ย?

“ไม่เคย แต่มีขู่ว่าอย่าทำเรื่องนี้นะ ถ้าทำจะมีปัญหาโน่นนี่นั่น”

ตั้งแต่มาทำ มีความคิดละเอียดมากขึ้น ?

“ไม่หรอก เมื่อก่อนก็เป็นแบบนี้ เพียงแต่ว่าเวลาเราอยู่หน้าจอ คนรู้สึกว่าเราไม่ใช่แบบนั้น”

จากคนปรามาสแล้ววันนี้เขาชมและยอมรับ รู้สึกยังไง ?

“ดีใจนะ ตอนเราเข้ามาใหม่ๆ คนบอกว่าเราไม่ใช่สื่อตัวจริง แต่เราคิดในใจว่าวันหนึ่งจะทำให้เห็นว่าทำได้ และเชื่อทุกๆ คนที่ดูอยู่ก็ทำได้ เพียงแต่คนเราไม่ได้มีแค่คำว่าโชคดี มันต้องมีโอกาส เมื่อไหร่คุณมีโอกาสแล้วคว้าเอาไว้ แล้วใช้อย่างคุ้มค่านั่นคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุด พี่เลยเอาโอกาสนั้นมาก่อร่างสร้างตัวทำให้เป็นชิ้นเป็นอันมากขึ้น พิสูจน์ตัวเอง”

การได้เจอเคสแต่ละวัน เป็นแรงบันดาลใจยังไง ?

“พอเรามาทำข่าว แน่นอนข่าวมันเห็นเยอะมากๆ เห็นคนที่จนที่สุด เห็นคนเอาก้อนหินมาผัดกับน้ำปลา ดูดกินกับข้าว เขาไม่มีตังค์ คนไม่มีคือไม่จริงๆ เคยสัมภาษณ์ คนติด 1 ใน 10 มหาเศรษฐีก็เคยสัมภาษณ์มาแล้ว คือมันทำให้รู้สึกว่าได้เห็นอะไรเยอะ ถ้าวันหนึ่งเราจะมีโอกาสได้ช่วยเหลือคนที่เขาไม่มี ก็อยากจะช่วย”

เวลามีเคสข่าวต่างๆ เด็กถูกทำร้าย พี่หนุ่มจะของขึ้น ?

“เป็นสโลแกนตอนนี้ที่ใช้อยู่ ผมนี่ขึ้นเลย (ยิ้ม) จริงๆ ไม่ใช่หรอก เป็นคนชอบเด็กตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว รักเด็ก บางทีเด็กเขาบอบบาง เขาต้องการโอกาสพัฒนาและโตขึ้นมา”

กรณีลูกน้องลัลลาเบลก็ช่วย ?

“เรียกว่าช่วยเหลือเปล่า ก็ให้ค่าเทอมเขา พอดีคุณแม่มาออกรายการ แล้วถามนอกรอบว่าน้องต้องเรียนหนังสือแล้วเป็นยังไง คุณแม่ไม่อยู่แล้ว ทำยังไง ค่าเทอมเท่าไหร่ เขาบอกปีละ 6 หมื่น พี่มองว่าไม่ได้เกินกำลัง ก็ช่วยค่าเทอมให้เขา 6 หมื่น พอปีที่ 2 ก็ได้เจออีก พี่ก็ให้เขาไปอีก ถ้ามีปัญหาเรื่องการเรียนของลูกลัลลาเบลให้นึกถึงพี่เป็นคนแรก ไม่ต้องเกรงใจพี่ อะไรแบบนี้ คือไม่ได้เป็นคนจะมาช่วยทันทีทันใดนะ พี่มีเหตุผลของพี่ พี่ทำข่าวโหนกระแส เอาเรื่องของเขามาออกรายการ ทุกคนเล่นข่าวของเขาหมด เพื่อแลกกับอะไร หนึ่งเรตติ้งที่เราจะได้ ถ้าวันหนึ่งเราจะคืนในสิ่งที่ให้เขาได้ที่เกี่ยวกับลูก มันผิดเหรอ พี่คิดว่าพี่ได้มาแล้ว ก็ต้องคืนกลับให้เขาด้วย เป็นสิ่งที่ถูกสอนมาตั้งแต่เด็กๆ เลย จนวันนี้ก็สอนลูกเหมือนกันว่าคนเราจะได้อย่างเดียวไม่ได้ ต้องคืนให้เขาด้วย ลัลลาเบลก็เหมือนกัน”

พี่หนุ่มช่วยน้องข้าวปั้น ที่น้องตับแตก ช่วยแล้วตัวเองก็รู้สึกดี ?

“เคสนี้ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แต่ไปเห็นเขาแชร์ต้องการเลือดไปบริจาค เราก็โทรไปถามว่ายังไง วันดีคืนดี บอกว่าพี่ช่วยลูกหนูด้วย ลูกไม่น่าไหวแล้ว น้องตับเลือดออกจำเป็นต้องผ่าตัด แล้วเครื่องไม้เครื่องมือไม่พร้อม พี่เลยติดต่อไปรพ.ที่น้องอยู่ เขาบอกอัตราการเสียชีวิตสูงมาก สุดท้ายติดต่อรพ.จุฬาฯ รู้จักคุณหมอเด็กที่นั่น ก็มีการย้ายน้อง แล้วสุดท้ายน้องรอด คุณแม่เขาก็ขอบคุณมา ก็เป็นความภูมิใจอย่างหนึ่ง”

ได้อัปเดตอาการน้องมั้ย ?

“เมื่อเร็วๆ นี้ก็ถามไป เขาบอกว่าดีแล้วเขาก็ถ่ายรูปมาให้ดู”

เขาอยากเจอและขอบคุณพี่ วันนี้คุณจันจิราและน้องข้าวปั้นมาพบพี่ แม่เป็นไง เจอคนที่ช่วยชีวิตลูก?

จันจิรา : “อยากขอบคุณพี่หนุ่มมากๆ ค่ะ ที่ช่วยชีวิตลูกหนู ถ้าไม่ได้รพ.ที่ดี และหมอที่ดีที่พี่หนุ่มหามาให้ ลูกหนูคงไม่รอด (ร้องไห้)”

วันที่เขาเลือดออกในตับ ทำไมตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากพี่หนุ่ม ?

จันจิรา : “พี่หนุ่มเขาช่วยเหลือตั้งแต่ก่อนที่ลูกหนูจะวิกฤตหนักแล้วค่ะ ถ้ามีอะไรแย่ให้ติดต่อได้เลย ให้เบอร์ส่วนตัว ติดต่อมาเองโดยตรง หาหมอและรพ.ที่ดีให้”

หนุ่ม : “(ซับน้ำตา)”

พอวันนั้นพี่หนุ่มบอกจะประสานให้ รู้สึกยังไง ?

จันจิรา : “ตอนนั้นน้องวิกฤตมากค่ะ ต้องย้ายรพ.วันนั้น”

หนุ่ม : “เขาบอกพี่ช่วยลูกหนูด้วย ลูกหนูไม่รอดแล้ว ซึ่งเราก็เป็นพ่อ เรารู้สึกว่า…(พูดไม่ออก)”

วันนี้เขากลับมาร่าเริง รู้สึกยังไง ?

หนุ่ม : “ดีใจ เพราะอันนี้เป็นส่วนหนึ่งที่เราได้มีโอกาสมาทำข่าว และเราใช้ในทางที่ถูกที่ควร เราช่วยชีวิตคนได้จริงๆ เราดีใจที่ไม่ได้มองผ่าน เราพิสูจน์ว่าสื่อไม่ใช่สื่อกลาง แต่เป็นคนกลางประสานให้คนๆ นึงที่ต้องการให้ลูกรอดชีวิต และเราทำได้ เราใช้โอกาสที่ถูก”

ตอนนี้อาการเป็นยังไง ?

จันจิรา : “ดีขึ้นค่ะ เหลือแค่ระบบย่อยอย่างเดียว”

ลูกโตขึ้นจะเล่าเรื่องนี้ให้ลูกฟัง ?

จันจิรา : “เล่าแน่นอนค่ะ”

เปิดทีวีมาเจอพี่หนุ่ม จะบอกลูกยังไง ?

จันจิรา : “จะบอกว่านี่คือคนช่วยชีวิตหนู ถ้าไม่มีพี่เขา หนูก็ไม่ได้อยู่จนทุกวันนี้”

พ่อน้องก็อยากขอบคุณพี่หนุ่มเหมือนกัน ?

พ่อ : “ขอบคุณพี่หนุ่มมากครับ ถ้าไม่มีพี่หนุ่มในวันนั้นก็ไม่มีน้อง ตอนนั้นหัวใจหล่นไปหมดแล้ว หมอบอกน้องเหลือ 20 เปอร์เซ็นต์ น้องห้ามขยับตัว 20 วัน ต้องโดนรัดตัวตลอดเวลา แล้วห้ามกินอะไรด้วย ต้องขอขอบคุณมากจริงๆ ครับ”

เชื่อมั้่ย ในโลกใบนี้ไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่เขามาช่วยเรา ?

จันจิรา : “ไม่คิดเลยค่ะ ไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสตรงนี้ ไม่คิดว่าพี่เขาจะยื่นมือมาช่วย และช่วยจนสุดตัวเลยค่ะ เดือดร้อนอะไรช่วยเต็มที่เลยค่ะ เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว พี่หนุ่มยังถามหมอน้องอยู่เลยค่ะ พอดีรถมอเตอร์ไซค์ล้มทับท้องน้องพอดี เส้นเลือดในตับมันขาดค่ะ ตัวซีด เท้าซีด น้องช็อกไปแล้ว”

อะไรทำให้พี่หยุดแล้วเป็นกรรชัยได้ทุกวันนี้ ?

“ไม่มีอะไรหยุดพี่ได้ ความเจ้าชู้เอาตรงๆ ไม่ได้บอกว่ามีลูกแล้วจะหยุดนะ ไม่มีลูกก็หยุดเยอะแยะไป แต่เราหยุดของเราเอง มันโตแล้ว ผมว่าสุดท้ายแล้วโจรถ้าจะเลิกเป็นโจรจะคิดได้ของมันเอง”

อะไรทำให้คิดได้ว่าพอเหอะ ?

“ใจพี่ไง ใจพี่มันเหี้ยมมาก แก่แล้วก็หาไม่ได้ไง (หัวเราะ) ไม่หรอก ส่วนหนึ่งมีลูกสาวนั่นแหละ มีลูกสาวก็คิดเยอะ คิดไปไกล”

เวรกรรมงี้เหรอ ?

“ชมพูดถูกเลย”

คิดว่าเปลี่ยนก่อนมีลูกซะอีก ?

“แหม น้องแอฟ เล่นดอกนี้ไปไม่ถูกเลย พี่เปลี่ยนก่อนหน้านั้นแล้ว (หัวเราะ) ไม่หรอก มันถึงจุดอิ่มตัว อีกอย่างก็ผ่านอะไรมาเยอะ ก็หยุดดีกว่า อีกอย่างกลัวลูกเจอผู้ชายอย่างเราด้วย”

น้องมายูน่ารักขึ้นทุกวัน ?

“เกเรมากนะ แต่ทำไงได้ เป็นลูกเรา”

เขาฉลาดมีการรับส่งมุก ?

“เป็นการสร้างภาพ (หัวเราะถูกใจ)”

แบ่งกันยังไงกับเมีย ว่าเล่นบทบาทไหน ?

“ด้วยงานเราเป็นการแบ่งกันอยู่แล้ว ตื่นเช้ามาพี่ไปทำงาน มายูไปเรียนหนังสือ แม่เขาไปส่ง ทำงานเสร็จ มายูก็นอนแล้ว เราไม่ได้มีเวลาอยู่ร่วมกันมากมาย เมื่อก่อนเจอแค่วันอาทิตย์ แต่เดี๋ยวนี้เสาร์อาทิตย์ก็เจอกัน”

ฟิลลิ่งผู้ชายที่มีลูกสาว ?

“ก็ห่วงว่าจะไปเจอคนเจ้าชู้ แต่เราไม่สามารถกำหนดกฎเกณฑ์อะไรได้มากมาย ได้มากสุดแค่เตือนแค่บอก”

อยากมีลูกอีกคนมั้ย ?

“กำลังดูเมียอยู่ (หัวเราะ) ยัง คนเดียวนี่แหละ แก่แล้ว ตอนนี้มายู 6 ขวบ พี่ 51 แล้ว”

ผมดกเยอะเป็นเกาหลี ?

“ไม่เคยไปปลูก ไม่เคยต่อผม ฉีดหรืออะไร แล้วมาขายแชมพู ไม่เคย”

ที่ขึ้นตามป้ายทั่วบ้านทั่วเมือง เกิดจากยังไง ?

“ไลโอใช่มั้ย คือพอมาทำข่าว พรีเซ็นเตอร์ติดต่อมาเยอะมาก แต่เราไม่สามารถรับได้ ถามว่าเพราะอะไร เพราะถ้าเราไม่เคยใช้ ถ้ามันไม่ใช่แบบที่เราพูดคนก็กลับมาด่าเรา จนสุดท้ายบังเอิญว่าไลโอ แชมพูตัวนี้เป็นหนึ่งในงานพรีเซ็นเตอร์ที่ติดต่อเข้ามา มันเป็นตัวที่เราเคยใช้นี่หว่า ไลโออยู่มา 18 ปีแล้วนะ แต่ขายอยู่ในร้านขายยา วันนึงมันหายไป วันหนึ่งเขาจะเอามารีแบนด์ ก็เลยบอกให้เอามาใช้หน่อย พี่เซ็ตผมตลอดเวลา ผมข้างบนจะร่วงจะบาง เลยไม่มั่นใจ ก็เอาไลโอมาใช้ มันตอบโจทย์พี่ เลยขอลงทุนทำด้วยเลย ก่อนหน้านี้มี 2 ตัว มีแชมพูสระผม แล้วก็ครีมนวด หลังจากนั้นก็พูดคุยกันว่าเราควรทำเพิ่มสักตัวนึงมั้ย คือแฮร์โทนิค แหวกๆ แล้วพ่นๆ นวดๆ ในนี้จะมีส่วนผสมธรรมชาติจริงๆ มีอะนาแกน ซึ่งเป็นต้นอ่อนของถั่วลันเตา  หนังศีรษะเราจำเป็นต้องมีตัวบำรุงตัวนี้ มีมัมเมอรี่ ว่านหางจระเข้ โสม วิตามินบี วิตามินอี ชา อัญชัญ เหตุผลที่ผมหลุดร่วงคือหนังศีรษะมันมัน เจอเจล แว็กซ์ อะไรที่ทำให้ผมหลุดร่วง พอเจอตัวชะล้างออกไปทำให้สะอาดได้ ก็ทำให้ลดการหลุดร่วงของเส้นผม แอดไลน์ไลโอไทยแลนด์ หรือโทรได้ หรือเข้ากูเกิลพิมพ์ไลโอ หรือติดต่อตัวแทนได้ เซ็ตนี้อยู่ประมาณพันกว่าบาท ได้สามอย่าง สามขั้นตอนจบเลย ผู้หญิงก็ใช้ได้”